วันเดียวเที่ยวสวนเมืองนนท์ ชื่นชมไม้ดอกไม้ใบ กล้วยไม้ตัดดอกขาย พืชผักปลอดภัย มะพร้าว มะม่วง ทำเงิน
ถึง คราว "เสวนาเกษตรสัญจร" รอบเดือนพฤษภาคม 2552 เวียนมาถึง ครั้งนี้ยังคงอยู่ภายในจังหวัด "นนทบุรี"เฉกเช่นปีที่ผ่านมา แต่มีความเหมือนผสมความต่างมาให้ผู้ร่วมเดินทางได้ก้าวเข้าไปสัมผัส
ก่อน อื่นขอแนะนำสวนแห่งใหม่ ซึ่งทีมงานพร้อมพาไปรู้จักมักคุ้นเก็บเกี่ยวประสบการณ์ร่วมกัน ซึ่งต้องบอกว่าเจ้าของสวนทั้ง 4 ท่าน 4 สวนแห่งใหม่ในทริปนี้ เป็นเกษตรกรตัวจริง ด้วยเพราะคร่ำหวอดอยู่แวดวงปลูกจำหน่ายต้นไม้นานนับสิบปี บ้างก่อร่างสร้างธุรกิจด้วยตนเอง บ้างสืบสานจากรุ่นสู่รุ่น
ชื่นชมไม้ดอกไม้ประดับ
ไม้ใหญ่ไม้กระถาง ปรง ปาล์ม
แดด ร่มลมตกเช้าวันเสาร์ที่ 23 พฤษภาคม 2552 พาท่องให้น่องขยับกับสวนใหม่รายแรกของ คุณบุญทัน เพิ่มกุศล เกษตรกรคนขยันวัย 56 ปี ผู้ปลูกเลี้ยงไม้ดอกไม้ประดับหลากหลายชนิด อาทิ ฟอร์เกตมีนอต อรุณเบิกฟ้า อมรเบิกฟ้า จันทร์กระจ่างฟ้า ผกากรอง ไทร และอีกหลายพันธุ์เหมาะนำไปประดับตกแต่งสวนสวย
คุณบุญทัน เล่าย้อนไปเมื่อครั้งอายุย่างสู่วัยรุ่น เห็นปู่-ย่า ประกอบอาชีพเกษตรกรรมปลูกไม้ดอกไม้ประดับส่งขายเนิ่นนานหลายปี รวมถึงผู้เป็นพี่ชาย
คนใกล้ชิดเปรียบเสมือนตัวอย่าง ทำให้มองเห็นภาพชัดถนัดตา ถึงครานั้น คุณบุญทันจึงขอก้าวเข้ามาสัมผัสเป็นลูกหลานเกษตรกรตัวจริง โดยจับจองทำเลเหมาะย่านไทรน้อยราว 11 ไร่เศษ ซึ่งขณะนั้นซื้อขายกันในราคาไร่ละประมาณ 50,000-60,000 บาท
พลิก ฟื้นผืนดินเป็นลานกว้าง ขุดร่องน้ำโอบล้อม ลงมือจัดหาพันธุ์ไม้ดอก ซึ่งขณะนั้นนิยม เฟื่องฟ้า กุหลาบ ปลูกอวดดอกสพรั่งสีสันสดใส ส่วนตลาดส่งขายให้กับหน่วยงานราชการ กระทั่งต่อมาเปิดหน้าร้านประจำตลาดนัดจตุจักร ซึ่งปัจจุบันลูกสาวช่วยดูแลอยู่
"วิธีปลูก รับมาจากปู่ย่า และพี่ชายส่วนหนึ่ง กับอาศัยลองผิดลองถูกด้วยตนเอง ส่วนพันธุ์ไม้ปรับไปตามความนิยม พยายามซื้อไม้ใหม่มาทำ จากอินโดนีเซียบ้าง มาเลเซียบ้าง อย่างฟอร์เกตมีนอต สีขาว ชมพู ซึ่งปัจจุบันสีม่วงพันธุ์ใหม่ได้รับความนิยม เมื่อก่อนราคาต้นละ 50 บาท เดี๋ยวนี้เหลือ 10-15 บาทยังมี เพราะกระบวนการปลูกง่ายขึ้น ผู้ปลูกเยอะขึ้น"
ด้วยประสบการณ์งานเกษตรสั่งสมยาวนานถึง 40 ปี มีความชำนาญ อีกทั้งเลือกเป็นผู้ปลูกพร้อมจัดจำหน่ายด้วยตัวเอง แน่นอนว่าสนนราคาขายอยู่ในเกณฑ์ผู้ซื้อพอใจ ซึ่งส่วนใหญ่นำไปจำหน่ายต่อ จึงถือเป็นจุดเด่นเรียกเสียงตอบรับให้กลับมาเป็นขาประจำเนืองแน่น
สำหรับ รายได้โดยสรุปในแต่ละเดือน คุณบุญทัน กล่าวว่า มีเพียงปีนี้ยอดขายตก เพราะพิษเศรษฐกิจ แต่กระนั้นยังคงรับเงินเข้ากระเป๋าราว 200,000 บาท
" รายจ่ายหลัก ค่าแรงคนงานวันละ 200 กว่าบาท พร้อมที่พัก ในส่วนของต้นไม้เน้นเพาะปลูกเอง กับธุรกิจนี้ผมมองว่าสิ่งสำคัญคือแหล่งน้ำธรรมชาติ ต้องมีความสะดวกสบาย คือถ้าใครจะทำอาชีพนี้ต้องไม่มองข้ามแหล่งน้ำ อย่างแปลงใหม่ประมาณ 40 ไร่ ย่านนครปฐม ก่อนจะซื้อ ผมดูแหล่งน้ำก่อน"
คุณบุญทัน กล่าวเพิ่มเติมถึงรูปแบบค้าขาย โดยย้อนไปเมื่อครั้งเริ่มต้นธุรกิจ ใช้การคมนาคมทางน้ำ บรรทุกต้นไม้ลงเรือส่งจำหน่ายยังผู้ซื้อ แต่ปัจจุบันความเจริญรุดหน้า ถนนหนทางเข้าถึง สะดวกทั้งผู้ปลูกและผู้ซื้อ
40 ปีกับเส้นทางสายเกษตร 40 ปีกับประสบการณ์ที่พร้อมถ่ายทอดสู่คณะผู้ร่วมทางในครั้งนี้...
สวน ถัดมาตั้งชิดติดกับสวนไม้ดอกไม้ประดับของคุณบุญทัน บนพื้นที่ราว 10 ไร่ ซึ่งเสวนาเกษตรสัญจร ไม่มองผ่าน เพราะแลเห็นไม้กระถางอวดใบเด่นอย่าง ปรง รวมไปถึงไม้ขนาดใหญ่อย่างปาล์ม อดจะชื่นชมฝีมือผู้ปลูกมิได้ ด้วยเพราะรูปทรงต้นไม้แต่ละต้นสวยงาม อุดมสมบูรณ์
คุณศิริพร ต่างใจ หญิงสาววัย 31 ปี บอกกล่าวเรื่องราวความเป็นมาของธุรกิจเกษตร ซึ่งบุกเบิกตั้งแต่รุ่นพ่อแม่ กระทั่งตกทอดมาถึงตนเอง โดยหลังแต่งงานกับสามีคนขยัน คุณบุญทิ้ง ต่างใจ ผู้ให้ความสนอกสนใจต้นไม้ เรียนรู้ และพัฒนาการปลูกเรื่อยมา
คุณศิริพร เล่าว่า ไม้หลักปลูกไว้ ได้แก่ ปรงญี่ปุ่น สนมังกร สำหรับไม้ใหญ่ซึ่งบางต้นราคานับหมื่น นั่นคือ ปาล์ม ส่วนตลาดส่งจำหน่าย ไม่ต้องเดินทางไปต่างถิ่น เพราะผู้ซื้อซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักจัดสวนโครงการหมู่บ้านทั้งแถบกรุงเทพฯ และปริมณฑล เดินทางมารับถึงที่ กับราคาส่งขาย ยกตัวอย่าง ปรง 150-6,000 บาท หรือเทียบรายได้ต่อเดือนราว 300,000 บาท
"จุดเด่นเรียกลูกค้า เรื่องคุณภาพ เพราะมีประสบการณ์ปลูกมานานนับ 10 ปี ราคาถูก ปลูกเองขายเอง ในขณะหลายรายใช้ระบบซื้อมาขายไป ปรงปลูกค่อนข้างยาก โตช้า เหตุนี้จึงมีผู้ปลูกน้อยราย ตัดปัญหาเรื่องคู่แข่งขันไปได้มาก"
กล้วยไม้ช่องามทำเงิน
ปลูกขยาย 100 ไร่เศษ
ชื่น ชมไม้ดอกไม้ใบทั้งขนาดใหญ่ขนาดเล็ก ซึ่งมีตลาดส่งขายในประเทศ ทีมงานขอพาคณะผู้ร่วมทาง เข้าไปสัมผัสไม้เศรษฐกิจทำเงินงาม โดยมีตลาดส่งขายไกลถึงต่างแดน กับ "สวนนพสันติ (ตี๋)" ผู้พลิกฟื้นแปลงผักให้เป็นเรือนกล้วยไม้ กับแปลงแรกเต็มพื้นที่ 40 ไร่ จากนั้นขยับขยายสร้างโรงเรือนใหม่นับรวมแล้ว 100 ไร่เศษ
คุณทศพล นพสันติ บุตรชายคนโตอายุ 29 ปี ผู้รับช่วงสานต่องานด้านการปลูกจำหน่ายกล้วยไม้จากพ่อแม่อย่างเต็มตัว เล่าว่า สายพันธุ์ประจำสวนนพสันติ คือ กล้วยไม้หวาย โจแดง หรือบอมโจแดง แต่กระนั้นยังมีพันธุ์ขาว 5 เอ็น เสริมความต้องการของตลาดหลักประเทศอินเดีย
คุณทศพล เล่าย้อนไปเมื่อครั้งเริ่มต้นกับอาชีพเกษตรกรรม ซึ่งขณะนั้นพ่อแม่ยึดการปลูกผักเลี้ยงครอบครัว ต่อเมื่อเกิดปัญหาแมลงศัตรูพืชรบกวน จนยาฆ่าแมลงมิสามารถต้านทานได้ ส่งผลถึงค่าใช้จ่ายสูง จึงหาทางปรับเปลี่ยนสู่ไม้ชนิดอื่น
"มอง กล้วยไม้ เพราะเห็นถึงการดูแลง่าย สะดวกสบายคนปลูก อย่างน้อยได้หลบแสงแดด แต่เพราะไม่รู้เรื่องราวเกี่ยวกับวิธีปลูก จึงเริ่มต้นศึกษา ทั้งจากผู้รู้ และทดลองด้วยตนเอง โดยพื้นที่เริ่มต้นราว 2 ไร่ กระทั่งปีต่อมาขยับเป็น 4 ไร่ ล้มแปลงผักออก จนเต็มพื้นที่ 40 ไร่"
แม้เงินลงทุนเบื้องต้นสูง ด้วยเพราะซื้อต้นพันธุ์จากผู้ปลูกรายอื่น ตกต้นละ 9-15 บาท โดย 1 ไร่ใช้ต้นกล้าราว 16,000 ต้น หลังปลูกจนลำต้นโตแตกหน่อจึงแยก และจากความคิดมุ่งมั่นพัฒนาขยับขยาย จากนั้นจึงส่งกล้วยไม้เข้าห้องแล็บ ปั่นตาได้เนื้อเยื่อ เพื่อเพิ่มจำนวนประชากรกล้วยไม้ ถือเป็นการลดค่าใช้จ่ายกล้าพันธุ์
"การลงทุน ในปัจจุบันสำหรับโครงสร้างโรงเรือน 1 ไร่ราว 200,000 บาท ต้นกล้าชนิดถูกไม่ใช่เนื้อเยื่อราว 60,000 บาท จากนั้นเป็นค่าปุ๋ยค่ายา ซึ่งในส่วนของสวนนพสันติ สั่งนำเข้าจากต่างประเทศครั้งละจำนวนมาก เพราะมีผู้สนใจหลายรายติดต่อขอซื้อ"
ถามถึงตลาดส่งขาย คุณทศพล ว่า ผู้ค้าขาประจำ 3-4 ราย เข้ามารับซื้อถึงสวน เพื่อนำไปจำหน่ายยังตลาดสี่มุมเมือง ตลาดไท ปากคลองตลาด กับราคาขายขึ้นอยู่กับช่วงฤดูกาลและเทศกาล โดยยกตัวอย่างต้นเดือนเมษายน ราคากล้วยไม้ตกกำละ (9 ขีดถึง 1 กิโลกรัม) 80 บาท ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับกลาง แต่หากเทศกาลสำคัญ อาทิ ตรุษจีน ราคาขยับถึงกำละ 250 บาท
ในส่วนกล้วยไม้คุณภาพส่งขายตลาดต่าง ประเทศ มีผู้ค้าคนกลางมารับถึงสวนเช่นกัน จากนั้นจำหน่ายต่อไปยังประเทศ อิตาลี จีน เวียดนาม เป็นต้น ส่วนราคาหน้าสวน ช่อละ 2-4 บาท หรือเทศกาลสำคัญราคาเคยสูงถึง 9 บาท ซึ่งในแต่ละวันมีผู้ติดต่อขอซื้อครั้งละราว 30,000 ช่อ
"เมื่อก่อน เปิดหน้าร้านประจำ แต่เซ้งไป หันมาดูแลการปลูกอย่างเดียว ซึ่งลูกค้าปัจจุบันได้มาแบบปากต่อปาก และสวนนพสันติ เปิดเป็นแหล่งเรียนรู้และสถานที่ท่องเที่ยว ทำให้ชื่อเสียงของสวนได้รับความสนใจไปด้วย"
เห็นกล้วยไม้สีสันสดใส แต่ละต้นอุดมสมบูรณ์ ชี้ให้เห็นว่าได้รับการดูแลเอาใจใส่อย่างดี ซึ่งคุณทศพล ว่า เห็นละลานตาเช่นนี้ แต่ละต้นมีอายุการปลูก 5-6 ปีแล้ว และสามารถยืนหยัดอยู่ต่อได้ยาวนาน 8-9 ปี
หากใครต้องการทราบเทคนิค เกี่ยวกับการปลูกเลี้ยงดูแล ร่วมเดินทางไปกับเรา ในเสวนาเกษตรสัญจร และเพื่อเติมเต็มให้การท่องเที่ยวครั้งนี้มีสีสัน เสวนาเกษตรสัญจร จัดจ้างรถกระแทะ ไว้รอให้นั่งรับลมอิงแอบแนบธรรมชาติแบบชิดใกล้ ตั้งแต่สวนไม้ดอกไม้ประดับ ไม้กระถางไม้ใหญ่ ปรง ปาล์ม ตลอดจนชื่นชมกล้วยไม้งาม ณ สวนนพสันติ
พืชผัก ผลไม้ ปลอดภัย
มะพร้าว มะม่วงพันธุ์ดี
ก้าว เท้าขึ้นรถตู้ มุ่งสู่วัดไทรใหญ่ นมัสการหลวงพ่อทองคำ ทำบุญ ปิดทอง ถวายสังฆทาน ตามกำลังศรัทธา แวะซื้อหาพืชผักผลไม้ ขนมหวาน อาหารคาว และอีกหลากรายการ ซึ่งผู้ค้าผู้ขายนำมาจัดจำหน่าย ณ ตลาดน้ำไทรน้อย
รับประทานอาหารกลางวันจนอิ่มหนำสำราญ จากนั้นช่วงบ่าย ยังมีสวนแห่งใหม่รออยู่ พร้อมแล้ว มุ่งสู่ "พิพัฒน์ ฟาร์ม" กันเลย...
สวน เกษตรแห่งนี้ตั้งขึ้นเมื่อปี 2543 บนพื้นที่ราว 37 ไร่ ในเขตอำเภอบางบัวทอง โดยมุ่งเน้นผลิตภัณฑ์พืชผักผลไม้ ปลอดภัยจากสารพิษ อาทิ พืชผักสวนครัว อย่าง โหระพา กะเพรา มะเขือ แตงกวา บวบ ผักบุ้งจีน คะน้าฮ่องกง คะน้าเห็ดหอม พริก ฯลฯ หรือในกลุ่มผักสลัด หลากหลายพันธุ์ นอกจากนั้น ยังมีไม้ผล อย่างมะม่วง แก้วมังกร เป็นต้น
พิพัฒน์ ฟาร์ม ถือเป็นฟาร์มแห่งใหญ่ ที่ให้ความใสใจเรื่องระบบการปลูก ไม่ว่าจะเป็น โรงเรือนปลูกผักไร้ดิน ผักกางมุ้ง หรือในรูปแบบเกษตรผสมผสาน โดยอาศัยความรู้จากภูมิปัญญาของไทย ใช้สมุนไพรในการป้องกันและกำจัดแมลง โดยไม่ก่อเกิดอันตรายต่อผู้ปลูก และผู้บริโภค
พิพัฒน์ ฟาร์ม ใส่ใจตั้งแต่กระบวนการปลูกตลอดจนเก็บเกี่ยว ซึ่งใช้ช่วงเวลาเช้า ด้วยเหตุผลว่า ผักมีรสหวาน สดชื่นที่สุด จากนั้นผ่านกระบวนการตัดแต่ง คัดบรรจุในห้องปรับอุณหภูมิและเก็บรักษาไว้ในห้องเย็นอุณหภูมิ 8-10 องศาเซลเซียส เพื่อความสดใหม่ก่อนถึงมือผู้บริโภค
ด้วยการจัดการ ฟาร์มได้มาตรฐาน ผลิตพืชผักผลไม้ปลอดภัยจากสารเคมี ส่งผลให้ พิพัฒน์ ฟาร์ม ได้รับการรับรองแหล่งผลิตพืช (GMP) ตามโครงการอาหารปลอดภัย (Food Safety) ด้านพืช จากกรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
เลือกซื้อผักปลอดภัยจากสารพิษ เพื่อนำกลับมาปรุงอาหารอร่อย กระนั้นอย่ารอช้า เพราะอีก 2 สวนข้างหน้ารออยู่ ตามคำเรียกร้อง
บรรยากาศ ร่มรื่น โดยมีเจ้าของสวนมะพร้าวน้ำหอมแห่งนี้คอยต้อนรับ คุณลุงชะออม น้อยปั่น เกษตรกรคนขยันที่ต้องยกนิ้วให้ เพราะนอกจากพืชผลหลักอย่างมะพร้าว ปลูกไว้นับ 1,000 ต้น ยังมีพืชผักสวนครัว และผลไม้ หลายรายการ ชูกิ่งก้าน แตกดอกออกผล ผสมผสาน บนพื้นที่สวนราว 100 ไร่
คุณลุงชะออม เล่าว่า เคยปลูกผักส่งขาย แต่ประสบปัญหาด้านการผลิต และการตลาด จึงทดลองนำพันธุ์มะพร้าวน้ำหอมจากสามพราน จังหวัดนครปฐม ทดลองปลูกแซมในสวนผัก หลายปีผ่านพ้น พืชเสริม กลับสร้างรายได้หลัก โดยไม่ต้องเหนื่อยแรง เพราะเมื่อครบกำหนดราว 20 วัน ผู้รับซื้อจะเดินทางมาเก็บผลผลิตถึงที่ ส่วนเจ้าของสวนคอยนับรับเงินอย่างเดียว
ดื่มน้ำมะพร้าว หอม หวาน ชื่นใจ ทั้งแบบสด และแบบเผา คราวนี้ไปต่อยังสวนผลไม้ทำเงินดี อย่างมะม่วงน้ำดอกไม้มัน, เขียวใหญ่, เขียวเสวย, บุญบันดาล, อาทูอีทู และพืชผลหายากหลากหลายชนิด ซึ่งคุณนันทวัน แซ่งสมหวัง เสาะหามาปลูก จัดจำหน่ายได้ราคาดี
ส่วนทำเลขายไม่ต้องไปไกลเช่นกัน เพราะผู้สนใจเดินทางมากดกริ่งสั่งจองไว้ล่วงหน้า โดยครั้งนี้สำหรับคณะผู้ร่วมทางหากลิ้มรสแล้วติดใจ กำเงินไว้เตรียมควักจ่ายได้เลย
เที่ยวชมสวนสุดท้าย พร้อมรับฟังความรู้เกี่ยวกับวิธีปลูกดูแลพืชผล ให้ได้ยินกับหูแลเห็นด้วยตาแล้ว ก่อนกลับ ลิ้มชิมรสข้าวต้มผัด (มัด) ให้กล้วยน้ำว้านวลจันทร์ พืชผลอีกชนิดประจำสวนแห่งนี้
อิ่มท้อง อิ่มตา อิ่มใจ พร้อมรับความรู้จากเกษตรกรตัวจริง ได้ที่นี่... "เสวนาเกษตรสัญจร"
กำหนดการ
วันเดียวเที่ยวสวนเมืองนนท์
วันเสาร์ที่ 23 พฤษภาคม 2552
06.00 น. พร้อมกันที่อาคารข่าวสด รับประทานอาหารเช้า
07.00 น. เดินทางออกจากอาคารข่าวสด ด้วยรถตู้ปรับอากาศ
08.00 น. นั่งรถกระแท้ เที่ยวชม 2 สวนไม้ดอกไม้ประดับ ของ คุณบุญทัน เพิ่มกุศล
และคุณบุญทิ้ง-คุณศิริพร ต่างใจ
09.30 น. รถกระแทะพาท่องดูกรรมวิธีปลูกกล้วยไม้ ตัดดอกขายต่างประเทศ ของ
คุณทศพล นพสันติ
11.00 น. แวะนมัสการ หลวงพ่อทองคำ วัดไทรใหญ่ จากนั้นเลือกซื้อสินค้าเกษตร
และอาหารนานาชนิด ฝีมือชาวบ้านขนานแท้ ที่ตลาดน้ำไทรน้อย
12.00 น. รับประทานอาหารกลางวัน ที่ร้าน "ลิขิต ไก่ย่าง"
13.30 น. ชื่นชมกรรมวิธีปลูกพืชผักนานาชนิด แบบปลอดภัยจากสารพิษ ณ "พิพัฒน์ ฟาร์ม"
15.30 น. ดื่มน้ำมะพร้าวหอมหวานชื่นใจ ในบรรยากาศสวนร่มรื่น ย่านบางกรวย
17.00 น. เข้าสวนมะม่วงน้ำดอกไม้มัน และไม้ผลหายาก
พร้อมชิมข้าวต้มผัด (มัด) ไส้กล้วยน้ำว้านวลจันทร์
18.00 น. เดินทางกลับอาคารข่าวสด โดยสวัสดิภาพ
ค่าใช้จ่ายท่านละ 1,712 บาท
พร้อมอภินันทนาการ สมาชิกนิตยสารเทคโนโลยีชาวบ้าน ฟรี 3 เดือน (6 ฉบับ)
ผู้ สนใจ สมัครโดยโทรศัพท์จองที่นั่งก่อน แล้วโอนเงิน (ตามจำนวนที่ระบุ) เข้าบัญชีออมทรัพย์ ชื่อบัญชี บริษัท มติชน จำกัด (มหาชน) ธนาคารกสิกรไทย สาขาย่อยประชานิเวศน์ 1 เลขที่บัญชี 737-2-13905-0 พร้อมส่งใบนำฝาก โทรสาร (02) 580-4030 หรือสอบถามรายละเอียดได้ที่ โทร. (02) 589-2222, (02) 589-0492 และ (02) 954-4999 ต่อ คุณณัฐสมน 2100, คุณญาฑิกานต์ 2101, คุณวนิดา 2102 และ คุณอนุวัฒน์ 2103
20.4.52
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น