20.4.52

ทีเด็ด พรีเมียร์ลีก : ลิเวอร์พูล vs อาร์เซน่อล จาก sanook.com

  • Hotleagueสนับสนุนเนื้อหา

ทีเด็ด พรีเมียร์ลีก : ลิเวอร์พูล vs อาร์เซน่อล
ทีเด็ด พรีเมียร์ลีก : ลิเวอร์พูล vs อาร์เซน่อล

ลิเวอร์พูล vs อาร์เซน่อล
ราคาเปิด ลิเวอร์พูล ต่อ 0.5-10
เวลาแข่ง 02.00 น.

- ลิเวอร์พูล จะขาด สตีเว่น เจอร์ราร์ด มิดฟิลด์กัปตันทีมที่บาดเจ็บโคนขาหนีบรายเดียวเท่านั้น ส่วน อาร์เซน่อล จะขาด โรบิน ฟาน เพอร์ซี่, เอ็มมานูเอล อเดบายอร์, มานูเอล อัลมูเนีย, กาแอล กลิชี่, วิลเลี่ยม กัลลัส, โยฮัน ฌูรู, โทมัส โรซิคกี้ ที่บาดเจ็บทั้งหมด แต่จะได้ บาการี่ ซาญ่า และ เอดูอาร์โด้ ดา ซิลวา ฟิตกลับมาลงสนามได้อีกครั้ง

11ผู้เล่นตัวจริงตามคาด
ลิเวอร์พูล : โฆ เซ่ เรน่า, อัลบาโร่ อาร์เบลัว, เจมี่ คาร์ราเกอร์, มาร์ติน สเคอร์เทล, ฟาบิโอ ออเรลิโอ, ฮาเวียร์ มาสเชราโน่, ชาบี้ อลอนโซ่, ลูคัส เลว่า, อัลเบิร์ต ริเอร่า, เดิร์ค เคาท์, เฟร์นานโด ตอร์เรส

อาร์เซน่อล : ลูคัสซ์ ฟาเบียนสกี้, บาการี่ ซาญ่า, โคโล ตูเร่, มิกาแอล ซิลแวสตร์, คีแรน กิ๊บส์, อเล็กซ์ ซง, เชส ฟาเบรกัส, ซามีร์ นาสรี่, ธีโอ วัลค็อตต์, อังเดร อาร์ชาวิน, นิคลาส เบนท์เนอร์

แนวโน้มเกม : ทั้งสองทีมถือว่าหัวอกเดียวกันเพราะเพิ่งถูกเชลซีเขี่ยตกรอบฟุตบอลถ้วยมา ทั้งคู่ โดย ลิเวอร์พูล ตกรอบ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ขณะที่ อาร์เซน่อล ตกรอบ เอฟเอ คัพ เกมนี้ อาร์เซน่อล โชคร้ายมากเมื่อแข้งตัวหลักนัดกันบาดเจ็บยกแผงทั้งกองหลังและกองหน้า ประสิทธิภาพทีมคงจะลดลงไปเยอะแน่ ลิเวอร์พูลตอนนี้เหลือลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีกรายการเดียว ขณะที่ อาร์เซน่อล ยังมีโอกาสลุ้นในถ้วยใหญ่สุดของยุโรป ซึ่งในเกมลีกตอนนี้ลอยลำคว้าอันดับ 4 ค่อนข้างชัวร์แล้ว ก็คงไม่เน้นอะไรมากและหวังเก็บตัวนักเตะให้สมบูรณ์ที่สุดมากกว่า ลิเวอร์พูล อยู่ในสภาพที่พร้อมกว่าเยอะอีกทั้งได้เล่นในรังในเกมนี้มั่นใจว่า ลิเวอร์พูล จะเป็นฝ่ายเบียดชนะได้สำเร็จ

สกอร์ที่คาด : 2-1

Liverpool
14.04.09 A Champions League F... Chelsea 4-4
11.04.09 H Premier League Blackburn 4-0
08.04.09 H Champions League F... Chelsea 1-3
04.04.09 A Premier League Fulham 1-0
22.03.09 H Premier League Aston Villa 5-0

Arsenal
18.04.09 H FA Cup Chelsea 1-2
15.04.09 H Champions League F... Villarreal 3-0
11.04.09 A Premier League Wigan 4-1
07.04.09 A Champions League F... Villarreal 1-1
04.04.09 H Premier League Manchester City 2-0

ผลงานพบกันที่ผ่านมา
21.12.08 Arsenal Liverpool 1-1 England, Premier L... 2008/2009
08.04.08 Liverpool Arsenal 4-2 International, Cha... 2007/2008
05.04.08 Arsenal Liverpool 1-1 England, Premier L... 2007/2008
02.04.08 Arsenal Liverpool 1-1 International, Cha... 2007/2008
28.10.07 Liverpool Arsenal 1-1 England, Premier L... 2007/2008

จริงหรือไม่??? เขาหาว่า "การ์ตูน อินทิรา" เป็นเมียน้อย!!! นอกจอ จาก Gossipstar

จากกระแสข่าวลือหนาหนูที่ว่ากันว่าสาวตาคม การ์ตูน-อินทิรา เป็นเมียน้อยนอกจอ หรืออาจเพราะแค่เธอกลายมาเป็นแฟนคนล่าของหนุ่มโดม !!! นักแสดงสาวอย่าง “การ์ตูน-อินทิรา” เลยถูกขุดคุ้ยเรื่อง(ฉาว)ในอดีต แบบหมดไส้หมดพุง


"การ์ตูน" ก้าวเข้ามายืนในวงการบันเทิงโดยผ่านเวทีประกวดสาววัยกระเต๊าะอย่าง "มิสทีนไทยแลนด์ ปี 2003" เธอได้รับตำแหน่งมิสแฮร์แคร์ เมื่อเสร็จสิ้นการประกวด ต้นสังกัดก็ป้อนงานละครให้และประเดิมละครเรื่องแรก "รักได้ไหมถ้าหัวใจไม่เพี้ยน" แต่ก็ยังดูเหมือนจะยังไม่เข้าตา จนกระทั่งมามีผลงานโดดเด่นเห็นจะเป็นละครเรื่อง ขิงก็ราข่าก็แรง ที่เริ่มเป็นที่รู้จักของคอละครในระดับหนึ่งในฐานะตัวอิจฉารุ่นน้อง


อีกเรื่องที่พึ่งจบไปก็คงหนีไม่พ้นละครเรื่อง เมียหลวง ที่รับบท นวล เป็นเมียน้อยที่อยู่ในบ้าน ดร.อนิรุทธ์ ที่ต้องฟาดฟันบทบาทกับดาราสาวมือหนึ่ง อั้ม-พัชราภาอยู่ตลอดเรื่อง จึงทำให้เธอโดดเด่นขึ้นมาไม่น้อยหน้าดาราคนไหนในเรื่อง


ก่อนหน้านี้หากพูดถึงเรื่องความรัก "การ์ตูน" ไม่ค่อยจะมีข่าวคบหาดูใจกับหนุ่มๆ เท่าไรนัก แต่ในทางกลับกัน ...ดั๊น!!มีข่าวเปิดวงดนตรีไทยลงเล่นฉิ่งฉับกับมิสทีนไทยแลนด์ปี 2002 อย่างนางเอกร่วมสังกัด "เชียร์ ฑิฆัมพร" ที่บุคลิกที่โดดเด่นคือจะดูห้าวๆ พูดจาโผงผาง ทำให้ผู้พบเห็นหรือแฟนละครคิดว่า เชียร์ เป็นพวกฉิ่งฉับ จนทั้งคู่ต้องออกมาแก้ข่าวอยู่เป็นระยะๆ แต่ก็ดูเหมือนจะไม่มีใครยอมเชื่อและสร้างความครางแครงใจให้กับแฟนละครเรื่อย มา


แต่ล่าสุด "การ์ตูน-อินทิรา" กลับตกเป็นข่าวว่าเธอดอดไปเป็นคนสนิทและอยู่ในขั้นกำลังพูดคุยกันกับ หนุ่มหล่อขั้นเทพอย่าง "โดม-ปกรณ์ ลัม" ...


จะด้วยเหตุนี้หรือเปล่าที่ทำให้แฟนละคร "การ์ตูน อินทิรา" เริ่มอยากจะอยากรู้หรือขุดคุ้ยเรื่องราวของเธอว่า สาวคนนี้เป็นใคร มาจากไหน? และอะไรทำให้หนุ่ม "โดม" เกิดมาคลิ๊ก!เข้ากับเธอได้ ซึ่งจะว่าไปแล้วก็เหมือนกับดาบสองคม พอประกาศว่าคบกับหนุ่มฮอต และละครเรื่อง เมียหลวง ที่กำลังออนแอร์อยู่ในช่วงนั้น เรตติ้งกระฉูดเพราะผู้ที่ได้รับบทบาทในละคร ทั้งเมียหลวง เมียน้อย เล่นได้สมบทบาทถึงพริกถึงขิงกันเลยทีเดียว


การ์ตูนจึงถูกขุดคุ้ยเรื่องราวส่วนตัวขึ้นมา...


เริ่มด่านแรก...ที่ถูกขุดคุ้ยขึ้นมาไม่วายที่จะเป็นข่าวที่เป็นแฟนกับ ทายาทหนังสือพิมพ์ดัง นามว่า "แป๊ก" จนมีข่าวลือว่าหนุ่ม"โดม" เป็นมือที่สาม แต่ไม่นานทั้งคู่ก็ออกมาปฏิเสธข่าวพร้อมกับชี้แจงว่าสาว "การ์ตูน" ได้เลิกรากับอดีตแฟนมาก่อนหน้าระยะหนึ่งแล้ว


พอมรสุมลูกแรกผ่านไป เหมือนอะไรๆ จะแฮปปี้สดใสซาบซ่ายังไม่ถึงเดือนดีก็มีข่าวลือช็อค!! วงการออกมาอีกว่า "การ์ตูน" เคยผ่านการแต่งงานมาแล้ว!!! และพอเรื่องนี้ไปถึงหูนาย "โดม" ปุ๊บ เจ้าตัวก็ถึงกับอึ้งกิมกี่ไปชั่วขณะ จนในที่สุด...ต้องไปถามเอาความจริงจากปากผู้ถูกกล่าวหา ซึ่ง “การ์ตูน” ก็ออกมาปฏิเสธว่า ข่าวลือนั้นไม่ใช่ความจริงแต่อย่างใด...


เวลาผ่านไป ดูเหมือนว่าข่าวเรื่องการผ่านการแต่งงานของ "การ์ตูน" กำลังจะจางไปทุกอย่างกำลังจะราบรื่น แต่จู่ๆ ก็มีมือดีนำภาพเวดดิ้งที่เป็นลักษณะการ์ดเชิญ(หน้าเหมือนมาก)ออกมาแฉ!!! โดยระบุวันที่ 4 ก.ย 2546 และชื่อ "การ์ตูน" - "หนึ่ง" เสมือนเป็นหลักฐานยืนยันชัดเจนว่าข่าวลือที่ว่านั้นคือความจริงที่ไม่สามารถ ปฏิเสธได้ ซึ่งภายหลังจากที่ภาพดังกล่าวได้แพร่สะพัดไป "การ์ตูน" เองเลยแคนเซิ่ล งานในระหว่างนั้นไปหลายงานด้วยกัน โดยอ้างว่าป่วยเนื่องจากปวดประจำเดือน ก่อนที่เธอจะตั้งสติได้และออกมาเปิกอกยอมรับความจริงเมื่อวันที่ 13 เม.ย.ที่ผ่านมาว่า...เรื่องการแต่งงานของเธอเป็นความจริง!!!

"สำหรับเรื่องที่เป็นประเด็นอยู่ตอนนี้นะคะ เป็นเรื่องที่ผ่านมานานแล้วค่ะ ตูนเองตอนนั้นยังเด็กมาก และวุฒิภาวะก็ค่อนข้างน้อย เป็นเรื่องที่ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายจัดการให้ อย่างที่บอกว่าตอนนั้นยังเด็ก ตอนนั้นที่เจอพี่ๆ สื่อมวลชนที่ปฏิเสธไปแบบนั้น เพราะว่าตั้งแต่มีกระแสเกิดขึ้น ตูนเองก็ต้องปรึกษาผู้ใหญ่หลายๆ ฝ่าย เพราะว่ามีผู้ใหญ่ที่ให้การสนับสนุนตูนอยู่หลายๆ ฝ่าย ตั้งแต่เกิดเรื่องนี้มา ตูนก็ต้องปรึกษาขั้นตอนว่าจะไปทิศทางไหน ตูนก็พร้อมยอมรับความจริงอยู่แล้ว ไม่ได้ตั้งใจจะโกหกหรือว่าอะไร ตอบไปตอนนั้นตูนก็ไม่สบายใจเหมือนกัน วันนี้มีโอกาสเจอพี่ๆ นักข่าวเป็นครั้งที่สอง พร้อมที่จะชี้แจงว่ามันเป็นเรื่องที่เกิดมานานแล้ว อยากให้มันจบไปดีกว่า"

เมื่อไพ่ออกมาแบบนี้ แน่นอนว่าหลายคนต่างมีเควสชั่นมาร์คอยู่ในใจว่า แล้วทางนาย "โดม" ล่ะ...จะรับได้ไหม??? ซึ่งก็ได้คำตอบออกมาแล้วว่า ทั้งคู่ได้มีการเคลียร์กันมาก่อนหน้านี้แล้วด้วยซ้ำไป โดยนาย "โดม" ยังได้ยืดอกแมนๆ บอกว่าทุกคนย่อมมีอดีต ซึ่งตนยินดีที่จะคบหากับ "การ์ตูน" ต่อไปเช่นเคย ถ้าจะเลิกคบ เลิกพูดคุย ก็คงไม่ใช่ด้วยเหตุผลที่เป็นกระแสข่าวอยู่ตอนนี้ และตนก็ได้ให้คำปรึกษาเรื่องนี้กับ"การ์ตูน" เหมือนกัน โดยแนะนำให้ การ์ตูน พูดความจริงดีกว่า และเชื่อว่าคนไทยน่ารัก ถ้าใครพูดความจริงก็ย่อมได้รับการให้อภัย

แต่ความสงสัยก็ยังไม่จางหายไปจากผู้ที่ติดตามกระแสข่าว ถึงแม้ว่า การ์ตูนจะได้ออกมาเปิดใจกับสื่อหนังสือพิมพ์หัวใหญ่ไม่กี่ฉบับแล้วก็ตาม เรื่องก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะจบ เมื่อ "เมียหลวง" (เลิกกันแล้ว) ตัวจริงของนาย "หนึ่ง" นามว่า "พิมพ์" ออกมาแฉ!!! ชนิดละเอียดยิบว่าถูกนักแสดงสาว "การ์ตูน" แย่งสามีไป พร้อมกับหอบหลักฐานมายืนยันเพียบ อาทิ ใบเสร็จที่ไปถ่ายภาพที่สตูดิโอ การ์ดงานแต่ง สมุดอวยพร ทะเบียนบ้าน ภาพถ่ายในวันหมั้นและวันแต่งงาน หรือแม้แต่รายการอาหารก็ไม่เว้น เรียกได้ว่า...แค้นฝังหุ่นกันเลยทีเดียว ทุกอย่างเธอเก็บไว้เป็นหลักฐานทุกเม็ด ซึ่งในขณะที่ทั้งคู่แต่งงานกันนั้นยังไม่ได้มีการเลิกรากับด้านเมียเก่าด้วย ซ้ำไป


เรียกง่ายๆ ว่า "การ์ตูน" เป็นเมียน้อยตัวจริง!!! ตั้งแต่ยังศึกษาอยู่เพียงแค่ระดับชั้นม.3 โดย มีญาติชื่อ "กุ้ง" ก็เคยเป็นเมียน้อยของหนึ่ง เช่นกัน ที่เป็นผู้ดูแลเรื่องค่าเทอม ค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันของ การ์ตูน แต่ก็ได้เลิกรากันไปแล้วเช่นกัน พิมพ์ได้ให้ข้อมูลว่า หลังจากนั้น การ์ตูน ก็ได้โทรมาขอค่าเทอมเอง และไปไหนมาไหนกับ หนึ่ง และลูกๆ ของ พิมพ์ บ่อยครั้ง และถึงขั้นหอบข้าวของเข้ามาอยู่ในบ้านเลย ทั้งๆ ที่ พิมพ์ ไม่ได้เต็มใจ และไม่รู้มาก่อน ได้โทรไปหาแม่ให้มารับลูกสาวกลับแต่แม่ก็ให้การปฏิเสธที่จะมารับ แถมยังบอกอีกว่า ไม่มีอะไรหรอก การ์ตูนยังเด็กคงไม่มีอะไรหรอก เมื่อเป็นเช่นนี้ พิมพ์ ก็บรรดาลโทสะทะเลาะกับ การ์ตูน อย่างรุนแรง เป็นระยะเวลาติดต่อกันหลายชั่วโมง ถึงขั้นจะเอากรรไกรแทงด้วยความโกรธ สุดท้ายก็ลงเอยด้วย ต่างคนต่างไป พิมพ์ให้เหตุผลว่าที่แม่เขาให้ "การ์ตูน" ยอมเป็นเมียน้อยตนนั้นคาดว่าเพราะเหตุผลทางการเงินเป็นหลัก โดยที่แม่ของนักแสดงสาวมีส่วนรู้เห็นเป็นใจด้วยตลอด


ด้าน "นางสำรอง เข็มพันธุ์" วัย 47 ปี แม่ของ "การ์ตูน" ก็ได้ออกมาโต้กลับ!!! ว่า ลูกสาวถูกใส่ร้าย จากการที่ "พิมพ์" เมียเก่าของอดีตเจ้าบ่าวออกมาแฉบิดเบือนความเป็นจริง พร้อมกับยืนยันว่าลูกสาวตนเป็นเด็กที่กตัญญู ที่ทำไปทั้งหมดก็เพื่อครอบครัว อีกทั้งยังรับว่าตนมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้จริง จนรู้สึกผิดกับลูกสาวเป็นอย่างมาก แต่เรื่องทั้งหมดเป็นเพียงอดีตที่ผิดพลาดซึ่ง "การ์ตูน" เองก็ได้ออกมาจากชีวิตของ "หนึ่ง" อดีตสามีร่วม 6-7 ปีแล้ว ก่อนจะวอนให้ผู้ไม่หวังดีเลิกขุดคุ้ยเรื่องนี้ลงเสียที

ความลับไม่มีในโลก...เพียงแต่จะยอมรับมันได้มากน้อยแค่ไหนเท่านั้นเอง มองในมุมแรกหากนักแสดงสาว "การ์ตูน" ไม่ได้คบกับนักร้องชื่อดังอย่าง "โดม ปกรณ์" แล้วจะมีข่าวฉาว!!! ออกมาไหม? โดนแฉ? หรือจะถูกขุดคุ้ยอดีตไหม? และถ้าเธอไม่ออกมาปฏิเสธข่าวตั้งแต่ในครั้งแรก ภาพลักษณ์ของเธอก็อาจจะไม่ติดลบ หรือเรื่องนี้อาจจะจบลงง่ายกว่านี้ก็อาจจะเป็นไปได้ แต่ก็ใช่ว่าจะผิด ถ้าเธอจะเพียงแค่เคยแต่งงานมาแล้วครั้งหนึ่ง ถ้าไม่ใช่ในฐานะ "เมียน้อย" อย่างที่หลายคนยังรอคำตอบนี้อยู่ ว่าเท็จจริงเป็นเช่นใด????



อย่างไรก็ตามเกี่ยวกับเรื่องนี้นั้น ล่าสุดทางผู้จัดการส่วนตัวของนักแสดงสาว "การ์ตูน" ได้ออกมาแจ้งให้ทราบแล้วว่า ในวันที่ 22 เม.ย.นี้ "การ์ตูน" จะมีการเปิดปากถึงเรื่องนี้อีกครั้ง ซึ่งเรื่องคดี "เมียน้อย" คดีนี้จะจบลงตรงไหนคงต้องติดตามกันต่อไป ทางดาราสาว "การ์ตูน-อินทิรา" เองก็ได้เปิดเผยออกมาแล้วว่า เรื่องนี้อาจจะมีถึงขั้นขึ้นโรงขึ้นศาลกัน โดยอ้างว่าถูกด้าน "เมียเก่า" ออกมาแฉเกินความเป็นจริง จนทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงนั่นเอง...

ขอบคุณภาพจาก manager

โรงเรียนสอนภาพยนตร์ : สานฝัน หรือ ดับฝัน จาก Bioscope on the Blog

วันเวลา วันศุกร์ที่ 24 เมษายน 2552 เวลา 11.00 – 17.00 น.
สถานที่ ณ ห้องอเนกประสงค์ ชั้น 1 หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร

กำหนดการ

11.00 – 12.30 น. สัมมนาเรื่อง เรียนฟิล์มเมืองนอก ดีจริงเหรอ?
ผู้ร่วมสัมมนา อภิชาติพงษ์ วีระเศรษฐกุล
อโนชา สุวิชากรพงศ์
ธนนท์ สัตตะจารุวงษ์
ลี ชาตะเมธีกุล
บุญศรี ตั้งตรงสิน
สมพจน์ ชิตเกษรพงศ์
ผู้ดำเนินรายการ พิมพกา โตวิระ


12.30 – 13.30 น. พักเที่ยง


13.30 – 15.00 น. สัมมนาเรื่อง ผู้กำกับมองเด็กฟิล์ม
ผู้ร่วมสัมมนา เป็นเอก รัตนเรือง
พิมพกา โตวิระ
อาทิตย์ อัสสรัตน์
โสรยา นาคะสุวรรณ
ภาคภูมิ วงศ์ภูมิ
ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล
ผู้ดำเนินรายการ ชลิดา เอื้อบำรุงจิต


15.00 – 15.15 น. พัก 15 นาที



15.15 – 17.00 น. สัมมนาเปิดกว้าง แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับวิชาภาพยนตร์ในเมืองไทย
ผู้ร่วมเสวนา นิสิต นักศึกษา ด้านภาพยนตร์ ระดับอุดมศึกษา
ผู้ดำเนินรายการ สัณห์ชัย โชติรสเศรณี

สุขภาพเสื่อมจากคอมพิวเตอร์…ผักผลไม้ช่วยได้ จาก นิตยสาร ชีวจิต

นิตยสารชีวจิตฉบับที่ 253

สุขภาพเสื่อมจากคอมพิวเตอร์…ผักผลไม้ช่วยได้

เคยนับดูเล่นๆ ไหมคะว่า วันหนึ่งๆ เราต้องอยู่หน้าคอมพิวเตอร์วันละกี่ชั่วโมง เมื่อไม่นานมานี้ พนักงานหญิงของออฟฟิศแห่งหนึ่งในมณฑลหูเป่ย ประเทศจีน นิยมสวมหน้ากากกันทั่วออฟฟิศ เพราะต้องนั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์วันละ 4-5 ชั่วโมง สำหรับคนทำงานอย่างเราๆ ฟังแล้วก็ได้เวลาสังเกตตัวเองว่ามีปัญหาสุขภาพบ้างหรือเปล่า ลองมาเช็คอาการ พร้อมกับดูอาหารที่ช่วยฟื้นฟูร่างกายกันเลยค่ะ

ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ อ่อนล้า กล้ามเนื้อเกร็ง ตึง

การรับประทานบร็อกโคลี่ ปลากินทั้งกระดูก เพราะมีแคลเซียมที่จำเป็นต่อการสื่อสารระหว่างเซลล์ประสาทและต่อการเกร็ง คลายกล้ามเนื้อ รับประทาน ผักโขม ถั่วเปลือกแข็ง เมล็ดทานตะวัน จมูกข้าวสาลี ที่มีแมกนีเซียม ช่วยให้กล้ามเนื้อผ่อนคลาย

ตาอ่อนล้า ตาพร่ามัว

ควรรับประทาน คะน้า พริก ผักปวยเล้ง มันเทศ ผักหวานบ้าน ตำลึง เพราะมีลูเทอินและซีเซนทิน ช่วยลดความเสี่ยงต่อการเสื่อมของศูนย์จอตา ลดความเสี่ยงของการเกิดจอประสาทตาเสื่อมตาได้ นอกจากนี้ควรรับประทาน แครอต ผักปวยเล้ง ฟักทอง เพราะมี เบตาแคโรทีน มีส่วนช่วยป้องกันการเสื่อมของศูนย์จอตา

มีปัญหาผิวหน้า

หากมีปัญหาผิวหน้า เช่น มีริ้วรอยเหี่ยวย่น และสงสัยเหมือนสาวๆ ที่ประเทศจีนว่า อาจเกิดจากรังสีจากคอมพิวเตอร์ ควรรับประทาน ผักผลไม้สีสดทุกชนิด เพื่อเพิ่มสารต้านออกซิเดชั่น นอกจากนี้ควรดื่มน้ำให้เพียงพอ และรับประทานอาหารเย็นที่ย่อยง่ายและรสไม่จัด เพื่อช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานไม่หนัก ทำให้เริ่มวันใหม่อย่างสบายตัว

เมื่อกินถูกแล้ว ก็อย่าลืมออกกำลังกายช่วยเพิ่มความกระฉับกระเฉงด้วยนะคะ

“คิดวาด” และ “คิดเขียน” จาก นิตยสาร Update

คิดเขียน


เห็น ภาพนี้แล้วน้องนึกถึงอะไรคะ เขียนความคิดของน้องส่งมาร่วมสนุกกัน ความคิดของใครได้รับการคัดเลือกให้ตีพิมพ์ก็จะมีของรางวัลให้ด้วย และทุกความคิดที่ส่งเข้ามาร่วมสนุกก็จะมีของที่ระลึกให้ทุกคนค่ะส่งมาภายในวันที่ 15 พฤษภาคม 2552

คิดวาด
หน้าร้อนอย่างนี้แดดแรงมาก พี่คิดถึงอุปกรณ์กันแดดที่ยอดเยี่ยมที่สุดในโลก แต่หน้าตาของมันจะเป็นอย่างไร พี่เลยอยากชวนให้น้องๆ มาร่วมกันออกความคิด และลงมือวาด อุปกรณ์กันแดดที่ดีที่สุดในความคิดของน้องๆ ภาพวาดของใครได้รับคัดเลือกให้ตีพิมพ์ มีของรางวัลให้ด้วยค่ะ และทุกภาพวาดที่ส่งมาร่วมสนุก ก็มีของที่ระลึกให้ด้วย ส่งมาภายในวันที่ 15 พฤษภาคม 2552


กฎกติกามารยาท

“คิดวาด” & “คิดเขียน”

  • ทางไปรษณีย์ : ส่งมาที่ “คอลัมน์ Update Kids นิตยสาร Update” บมจ. ซีเอ็ดยูเคชั่น อาคารเนชั่นทาวเวอร์ ชั้น 19 เลขที่ 1858/87-90 ถนนบางนา-ตราด เขตบางนา กรุงเทพฯ 10260
  • ทางอีเมล : ส่งมาที่ update@se-ed.com ตั้ง Subject เป็น “คิดวาด” หรือ “คิดเขียน” และส่งเมลละหนึ่งภาพหรือหนึ่ง เรื่อง (ขนาดของภาพตั้งแต่ 500x500 พิกเซลขึ้นไป) โดยต้องแจ้งชื่อและที่อยู่ที่ติดต่อได้ทุกครั้ง
  • ภาพที่วาดสามารถวาดลงบนไปรษณียบัตร หรือ กระดาษวาดเขียนธรรมดา ขนาด ไม่เกิน A4 (หนึ่งภาพต่อหนึ่งแผ่น) และจะต้องใส่ชื่อและที่อยู่ทุกภาพ
  • ส่งภาพ(และเรื่อง)ได้คนละไม่เกินสามภาพ(เรื่อง)

พบกับเรื่องนี้ได้ที่ : http://update.se-ed.com/259/kids-259.shtml



Romance Holiday

รักไทยให้ถูกทางต้องช่วยกันเที่ยวไทย
รักกันไปให้นานต้องชวนเที่ยวด้วยกันบ่อยๆ
WE มี 30 ตัวเลือกให้เลือกรัก
อนุญาตให้หลายใจได้ ก็แต่ละที่สวย น่ารัก น่าพักทั้งนั้น
1. Phu Pai Art Resort อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน
ณ ดินแดนรอยต่อไทย-พม่า ที่ซึ่งวัฒนธรรมสองฝั่งกระทบกันอย่างเรียบง่าย เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้อำเภอปายดำรงสถานะจุดพักใจอันดับหนึ่งของคู่รักนัก เที่ยวมาหลายสมัย ภูปายอาร์ท รีสอร์ท ครอบครองเนื้อที่กว่า 70 ไร่ริมแม่น้ำปาย แวดล้อมด้วยทุ่งนาที่เปลี่ยนสีไปตามเรียวใบและรวงข้าว ขณะที่พักผ่อนแบบไม่หย่อนความหวาน ก็ได้สัมผัสวิถีชีวิตของชาวปายดั้งเดิมที่ยังยึดอาชีพชาวไร่ชาวนาด้วยไปใน ตัว
Recommend: ปายมีอะไรนอกจากร้านกาแฟเก๋ๆ ถ้านึกไม่ออกไปจองทริปกับทางรีสอร์ทให้ไว มีหลายแพ็กเกจให้เลือก มีทั้งล่องแก่งลำน้ำปาย เที่ยวน้ำตกซู่ซ่า (ชื่อน่าเอ็นดูนัก) ของชาวไทยใหญ่ พาทัวร์วัฒนธรรมหมู่บ้านกะเหรี่ยงคอยาว (ยังมีอยู่) หรือจีนยูนนาน ชมพระธาตุดอยกองมู ถ้ำลอด และอย่าได้พลาดแวะไปนั่งจิบกาแฟที่ร้าน Coffee In Love
Rate : ห้องพัก 40 ห้อง ที่โปร่ง โล่ง สบายตาในแบบวิลล่าริมคันนา ราคาตั้งแต่ 2,000 – 3,000 บาท ตั้งแต่วันนี้ – 30 กันยายน 2552
ภูปายอาร์ทรีสอร์ท
93 หมู่ 1 ตำบลนาตึง อำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน โทร. 053-065-111-2,08-9851-6251 www.phupai.com

2. รักริมปาย รีสอร์ท จ.แม่ฮ่องสอน
ที่พักอบอุ่นติดริมแม่น้ำปาย โอบล้อมด้วยทุ่งกระเทียม ไร่ข้าวโพด และพืชไร่ตามฤดูกาล เรือนพักนำวัสดุจากธรรมชาติมาตกแต่ง กรุกระจกใสมองเห็นวิวสายน้ำปายโอบล้อมด้วยทิวเขาแบบพาโนรามา มีห้องพักเพียง 10 ห้องตั้งอยู่เนื้อที่ถึง 4 ไร่เศษ ทำเลที่ตั้งอยู่ห่างความวุ่นวายในตัวเมือง ใกล้สถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติเช่น น้ำตกแพมบก ปายแคนยอน ฯลฯ
ห้องพักมี 3 แบบ คือ เสมอต้นและเสมอปลาย ห้องพักในตัวอาคารหลัก ยุ้งข้าวและยุ้งกระเทียมกระท่อมส่วนตัว ซึ่งใช้ยุ้งข้าวนำมาประยุกต์ ยกใต้ถุนสูง ระเบียงกว้าง และ Deluxe Tent เต็นท์ใหญ่ขนาด 1 ห้องนอน 1 ห้องนั่งเล่นนอนดูดาวกลางไร่กระเทียม
Special Promotion: สำหรับเดือนเมษายน – ตุลาคม ห้องพักราคา 1,200 บาทสำหรับ 2 คนรวมอาหารเช้า และภายในเดือนเมษายนนี้ สามารถซื้อเวาเชอร์ราคา 1,000 บาท ไว้ใช้กับห้องพัก 1 หลังใช้ได้ตั้งแต่วันนี้ถึง 15 พฤศจิกายน 2552

รักริมปาย รีสอร์ท
108 หมู่ 10 ต.ทุ่งยาว อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน โทร.08-4673-2121, 08-2490-0660 www.rakrimpai.com

3. Juthamas Resort จ.น่าน
เมืองท่องเที่ยวที่มาแรงที่สุดตอนนี้ต้องยกให้จังหวัดน่าน จากที่เคยเป็นจังหวัดทางผ่านมาหลายปี เมื่อชาวเมืองน่านผลักดันจนยูเนสโกเห็นความดี ยกความชอบให้เป็นว่าที่เมืองมรดกโลก แต่ต้องดูใจกันไปอีกระยะหนึ่ง จึงจะจดทะเบียนกันได้
Where to go: คุณผู้ชายอาจชอบสถาปัตยกรรมเก่าแก่ ส่วนคุณผู้หญิงอาจนิยมกิจกรรมทำบุญ 9 วัด น่านคือคำตอบของสองความต้องการ เมื่อความวิจิตรบรรจงของวัดวาอารามมีอยู่ทุกหัวระแหง อาทิ วัดพระธาตุช้างค้ำ วัดภูมินทร์ วัดพระธาตุแช่แห้ง วัดหัวข่วง วัดมิ่งเมือง วัดสวนตาล วัดพญาวัด วัดปรางค์ วัดเจดีย์ (ครบ 9 วัดแล้ว) ฯลฯ ไปจนถึงอุทยานแห่งชาติดอยภูคา ซึ่งเป็นที่เดียวในประเทศไทยที่มีไม้หายากอย่างต้นชมพูภูคาบางสะพรั่ง
Where to Rest: ไร่จุฑามาศเป็นที่พักหน้าตาดีในจำนวนที่พักไม่มากนักในเมืองน่าน อากาศบนภูเขาเย็นสบายตลอดปี ยามค่ำคืนในวันที่ฟ้ามืดสนิท เปิดโอกาสให้เห็นดาวพราวเต็มฟ้าจนเหมือนจะหล่นใส่หัวคนแหวนมองสักร้อยดวง
Rate: บ้านพักหลังกะทัดรัด 5 แบบ ราคาตั้งแต่ 650- 1,800 บาท ได้บ้านพักสบายๆทั้งหลังไปครอง ราคาสมเหตุสมผลในแบบที่นักท่องเที่ยวยิ้มแต้และพร้อมจะกลับมาน่านอีกครั้ง แน่นอน

จุฑามาศรีสอร์ท
114 หมู่ 3 บ้านน้ำอ้อ ตำบลเปือ อำเภอเชียงกลาง จังหวัดน่าน โทร. 08-1735-5322 www.juthamasresort.com

4. Aruntara Hotel จ.เชียงใหม่
บูติกโฮเทลริมแม่น้ำปิงในสไตล์บริติช-โคโลเนียล สไตล์ที่ว่านี้เกิดจากการผสมรูปแบบทางศิลปะของแต่ละท้องถิ่นที่ธงยูเนียน แจ๊กของอังกฤษเคยไปโบกสะบัดอยู่ จึงมีกลิ่นอายแบบหมู่เกาะในทะเลคาริบเบียนด้วยไม้มะฮ็อกกานีสีเข้มไปจนถึง ลวดลายสลักเสลาในเครื่องทองของอินเดีย เมื่อย่างก้าวเข้าไปในอรุณธารา ก็ประหนึ่งได้ย้อนเวลากลับไปสู่ยุคสมัยเก่าๆที่เคยรุ่งเรือง
Rate: ห้องพัก Deluxe, The Elephant Suite และ The White Elephant Suite ราคา 6,000 8,000 และ 12,000 บาทตามลำดับ พิเศษสำหรับลูกค้าชาวไทย จะได้รับส่วนลด 40 % เมื่อเข้าพักในเดือนเมษายนนี้
Recommend: ไปเที่ยวเชียงใหม่ครั้งล่าสุด ได้ชิมเค้กและทาร์ตแบบฝรั่งเศสแท้ๆที่ร้านขนมไทยหวานละมุนบนถนนอินทวโรส เลยขอบอกต่อว่าขนม (ฝรั่ง) ร้านนี้อร่อยเหลือใจ โดยเฉพาะทาร์ตมะนาว เปรี้ยวอมหวานอ่อนๆนุ่มลิ้น และพายบลูเบอร์รี่ที่จนป่านนี้คนได้ชิมยังหาร้านที่อร่อยกว่าไม่ได้

โรงแรมอรุณธารา เชียงใหม่
338/8 ตำบลช้างคลาน (ติดแม่น้ำปิง) อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ โทร. 053-235-111 www.aruntarahotel.com

5. Sukhothai Heritage Resort จ.สุโขทัย
จังหวัดที่เป็นอยู่ตรงกลางระหว่างล้านนาเต็มเหยียดอย่างเชียงใหม่ และความเป็นเมืองเต็มขั้นของกรุงเทพฯคือสุโขทัย หรือเมือง Dawn of Happiness เป็นความสุขในช่วงเวลา Twilight before sunrise ไม่ว่าจะแปลอย่างไร ล้วนแล้วแต่ให้ความรู้สึกว่าเห็นลำแสงแห่งความสุขรำไรๆอยู่ไม่ไกล
Where to rest: สุโขทัย เฮอร์ริเทจเป็นบูติกรีสอร์ทน้องใหม่ในเมืองสุโขทัย เพิ่งอายุครบหนึ่งปีเต็มในเดือนเมษายนนี้ รวมเอาห้องพักบูติกหรู 68 ห้องบนเนื้อที่ 56 ไร่ ตกแต่งแบบสุโขทัยร่วมสมัย ซึ่งเลือกใช้วัสดุและเติมสีสันสดใสที่ลดทอนความคลุมขลังแบบไทยลงไปได้มาก
Recommend: มาถึงสุโขทัยแล้วขอให้ไปชิมก๋วยเตี๋ยวสุโขทัยแท้ๆ โดยไม่ต้องออกแรงไปเที่ยวหา เพราะทางรีสอร์ทยกเครื่องปรุงมาครบรสไว้ที่ The Lotus Restaurant
Rate: ราคาพิเศษสำหรับคนไทยเท่านั้น Suprerior ราคา 1,999 บาท Deluxe ราคา 2,999 บาท Suite ราคา 5,999 บาท และ Royal Suite ซึ่งมีเพียงห้องเดียวเท่านั้น ราคา 19,999 บาท

Sukhothai Heritage Resort
999 หมู่ 2 ตำบลคลองกระจง อำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย โทร. 055-647-567
www.sukhothaiheritage.com

6. Phunacome Resort จ.เลย
นึกถึงด่านซ้ายแล้วอย่าคิดว่ามีแต่เทศกาลผีตาโขน เพราะที่นี่ยังมีสีสันอื่นๆที่น่าชื่นใจกว่าโดยเฉพาะเส้นทางสายดอกไม้ภูเรือ -ด่านซ้าย ไม่ซื้อไม่ว่า แค่ขับรถผ่านไปเห็นไม้เมืองหนาวที่ปลูกกันเป็นไร่ๆไกลสุดสายตาก็อิ่มใจแล้ว
Where to go: พระธาตุศรีสองรัก ปูชนียสถานที่สำคัญที่สุดจังหวัดเลย มีข้อปฏิบัติเกี่ยวกับองค์พระธาตุ คือ ไม่ควรนำสิ่งของทุกชนิดที่เป็นสีแดงขึ้นไปนมัสการ เพราะเชื่อว่า สีแดง เป็นสัญลักษณ์ของเลือดและความรุนแรง
Where to rest: “ที่ซึ่งคุณสัมผัสได้ถึงเสน่ห์ของวัฒนธรรมอีสาน ที่ซึ่งคุณจะใช้ชีวิตในรูปแบบของการมีสุขภาพที่ดีและอีกหนึ่งในช่วงเวลาดีดี ของชีวิตคุณ กำลังจะเริ่มขึ้น” ภูนาคำรีสอร์ท บูติกรีสอร์ทที่สวยกลมกลืนไปกับธรรมชาติแวดล้อมของอำเภอด่านซ้าย มีทะเลหมอกยามเช้าและทะเลดาวยามค่ำคืนเป็นตัวชูโรงสำคัญ อีโคทัวริสต์อย่างคุณอย่าพลาด
Rate: สัมผัสความเป็นอีสานติดบูติกในห้องพัก Isan Deluxe และ Isan Grand Deluxe จากห้องพักทั้งหมด 4 แบบ ราคาเริ่มต้นที่ 3,800 – 5,500 บาท

ภูนาคำรีสอร์ท
461 หมู่ 3 บ้านเดิ่น ตำบลด่านซ้าย อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย โทร. 042-892-005-6, 0-2393 -5855 www.phunacomeresort.com

7. Samed Club เกาะเสม็ด จ.ระยอง
เกาะเสม็ดเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมอันดับต้นๆ แต่ไปทีไรเสียอารมณ์ได้ทุกครั้งเพราะใครๆก็คิดเหมือนเรา เลยมีเพื่อนร่วมอุดมการณ์ในเวลาที่ไม่ต้องการเยอะเหลือเกิน โชคดีเสิร์ชไปเจอรีสอร์ทหน้าตาดีแถมยังไม่พลุกพล่าน เลยอยากมาบอกต่อให้คุณไปหวานกันสองคน
เสม็ดคลับตั้งอยู่บนอ่าวน้อยหน่า เป็นบูติกรีสอร์ทขนาดเล็กเพียง 30 ห้องจึงได้รับการดูแลอย่างถ้วนทั่ว ตกแต่งในแนวคอนเท็มโพรารี เรียบๆทันสมัย เน้นความสดใสด้วยโทนสีส้มอิฐ ภายในห้องพักประดับด้วยภาพวาดสีสันสดใสในกรอบรูปเปลือย ซึ่งบ่งบอกถึงความอิสระและการอยู่อย่างเรียบง่าย
Rate: ห้องพัก 5 แบบ Beach Front, Garden Cottage, Deluxe Hill ,Deluxe Cottage และ Deluxe
ราคาสบายกระเป๋าที่ 2,500 – 3,300 ตั้งแต่วันนี้ - 30 กันยายน 2552

Samed Club
25 หมู่ 4 อ่าวน้อยหน่า ตำบลบ้านเพ อำเภอเมือง จังหวัดระยอง 21160 โทร. 0-2438-9771-2 , 038-644-341-7 www.samedresorts.com

8. Dusit D2 Baraquda พัทยา
ได้ชื่อว่าเป็นบูติกโฮเทลที่เก๋และล้ำที่สุดบนหาดพัทยา ชนะเลิศด้วยดีไซน์สุดโมเดิร์นแบบไม่หลุดคอนเซ็ปต์ตั้งแต่ล็อบบี้ไปจนห้องน้ำ (ที่เป็นไฮไลต์ของคนที่ได้ไปลองนอนเล่นที่มาแล้ว) บวกกับมาตรฐานการบริการที่ใครๆก็ออกปากของเครือดุสิตธานี
ความพิเศษสุดอีกหนึ่งอย่างคือ D’sire Button หรือปุ่มสารพัดนึกที่มีอยู่ทั่วโรงแรม ทั้งในห้องพักหรือสระว่ายน้ำ เพียงกดปุ่ม พนักงานก็จะออกมาจากไหนไม่ทราบอย่างรวดเร็วทันใจเพื่อมาสนองความต้องการของ คุณให้ลุล่วง
Rate: ห้องพักล้ำๆ 72 ห้อง ราคาตั้งแต่ 7,000 -16,000 บาท แต่แม้สิ่งอำนวยความะดวกและขนาดของห้องจะแตกต่างกันไปในแต่ละแบบ ทว่ามีสิ่งหนึ่งที่เป็นที่กล่าวขานเหมือนๆกันคือ ห้องน้ำนู้ด กรุกระจกใสปิ๊ง ถ้าไม่พักคนเดียว คนร่วมห้องของคุณต้องรักและเข้าใจกันมากๆ แต่ถ้าอาย ไม่ชิน หรือเหตุผลอื่นๆ กดปุ่มสารพัดนึกให้พนักงานนำม่านมาบังแก้เขินได้

Dusit D2 Baraquda Pattaya
485/1 หมู่ 10 พัทยา ตำบลหนองปรือ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี โทร.038-769-999
www.dusit.com

ติดตาม สถานที่ที่คุณจะเกี่ยวก้อยพาหวานใจไปโรแมนติกทุกทิศทั่วไทยใน The Best for resort 30 สถานที่ที่น่าสนใจ ในนิตยสาร WE คอลัมน์ Romance Holiday ฉบับเดือนเมษายน 2552

เที่ยวไปตามแผนที่ จาก มติชนกรุ๊ป

วันเดียวเที่ยวสวนเมืองนนท์ ชื่นชมไม้ดอกไม้ใบ กล้วยไม้ตัดดอกขาย พืชผักปลอดภัย มะพร้าว มะม่วง ทำเงิน

ถึง คราว "เสวนาเกษตรสัญจร" รอบเดือนพฤษภาคม 2552 เวียนมาถึง ครั้งนี้ยังคงอยู่ภายในจังหวัด "นนทบุรี"เฉกเช่นปีที่ผ่านมา แต่มีความเหมือนผสมความต่างมาให้ผู้ร่วมเดินทางได้ก้าวเข้าไปสัมผัส

ก่อน อื่นขอแนะนำสวนแห่งใหม่ ซึ่งทีมงานพร้อมพาไปรู้จักมักคุ้นเก็บเกี่ยวประสบการณ์ร่วมกัน ซึ่งต้องบอกว่าเจ้าของสวนทั้ง 4 ท่าน 4 สวนแห่งใหม่ในทริปนี้ เป็นเกษตรกรตัวจริง ด้วยเพราะคร่ำหวอดอยู่แวดวงปลูกจำหน่ายต้นไม้นานนับสิบปี บ้างก่อร่างสร้างธุรกิจด้วยตนเอง บ้างสืบสานจากรุ่นสู่รุ่น




ชื่นชมไม้ดอกไม้ประดับ

ไม้ใหญ่ไม้กระถาง ปรง ปาล์ม


แดด ร่มลมตกเช้าวันเสาร์ที่ 23 พฤษภาคม 2552 พาท่องให้น่องขยับกับสวนใหม่รายแรกของ คุณบุญทัน เพิ่มกุศล เกษตรกรคนขยันวัย 56 ปี ผู้ปลูกเลี้ยงไม้ดอกไม้ประดับหลากหลายชนิด อาทิ ฟอร์เกตมีนอต อรุณเบิกฟ้า อมรเบิกฟ้า จันทร์กระจ่างฟ้า ผกากรอง ไทร และอีกหลายพันธุ์เหมาะนำไปประดับตกแต่งสวนสวย

คุณบุญทัน เล่าย้อนไปเมื่อครั้งอายุย่างสู่วัยรุ่น เห็นปู่-ย่า ประกอบอาชีพเกษตรกรรมปลูกไม้ดอกไม้ประดับส่งขายเนิ่นนานหลายปี รวมถึงผู้เป็นพี่ชาย

คนใกล้ชิดเปรียบเสมือนตัวอย่าง ทำให้มองเห็นภาพชัดถนัดตา ถึงครานั้น คุณบุญทันจึงขอก้าวเข้ามาสัมผัสเป็นลูกหลานเกษตรกรตัวจริง โดยจับจองทำเลเหมาะย่านไทรน้อยราว 11 ไร่เศษ ซึ่งขณะนั้นซื้อขายกันในราคาไร่ละประมาณ 50,000-60,000 บาท

พลิก ฟื้นผืนดินเป็นลานกว้าง ขุดร่องน้ำโอบล้อม ลงมือจัดหาพันธุ์ไม้ดอก ซึ่งขณะนั้นนิยม เฟื่องฟ้า กุหลาบ ปลูกอวดดอกสพรั่งสีสันสดใส ส่วนตลาดส่งขายให้กับหน่วยงานราชการ กระทั่งต่อมาเปิดหน้าร้านประจำตลาดนัดจตุจักร ซึ่งปัจจุบันลูกสาวช่วยดูแลอยู่

"วิธีปลูก รับมาจากปู่ย่า และพี่ชายส่วนหนึ่ง กับอาศัยลองผิดลองถูกด้วยตนเอง ส่วนพันธุ์ไม้ปรับไปตามความนิยม พยายามซื้อไม้ใหม่มาทำ จากอินโดนีเซียบ้าง มาเลเซียบ้าง อย่างฟอร์เกตมีนอต สีขาว ชมพู ซึ่งปัจจุบันสีม่วงพันธุ์ใหม่ได้รับความนิยม เมื่อก่อนราคาต้นละ 50 บาท เดี๋ยวนี้เหลือ 10-15 บาทยังมี เพราะกระบวนการปลูกง่ายขึ้น ผู้ปลูกเยอะขึ้น"

ด้วยประสบการณ์งานเกษตรสั่งสมยาวนานถึง 40 ปี มีความชำนาญ อีกทั้งเลือกเป็นผู้ปลูกพร้อมจัดจำหน่ายด้วยตัวเอง แน่นอนว่าสนนราคาขายอยู่ในเกณฑ์ผู้ซื้อพอใจ ซึ่งส่วนใหญ่นำไปจำหน่ายต่อ จึงถือเป็นจุดเด่นเรียกเสียงตอบรับให้กลับมาเป็นขาประจำเนืองแน่น

สำหรับ รายได้โดยสรุปในแต่ละเดือน คุณบุญทัน กล่าวว่า มีเพียงปีนี้ยอดขายตก เพราะพิษเศรษฐกิจ แต่กระนั้นยังคงรับเงินเข้ากระเป๋าราว 200,000 บาท

" รายจ่ายหลัก ค่าแรงคนงานวันละ 200 กว่าบาท พร้อมที่พัก ในส่วนของต้นไม้เน้นเพาะปลูกเอง กับธุรกิจนี้ผมมองว่าสิ่งสำคัญคือแหล่งน้ำธรรมชาติ ต้องมีความสะดวกสบาย คือถ้าใครจะทำอาชีพนี้ต้องไม่มองข้ามแหล่งน้ำ อย่างแปลงใหม่ประมาณ 40 ไร่ ย่านนครปฐม ก่อนจะซื้อ ผมดูแหล่งน้ำก่อน"

คุณบุญทัน กล่าวเพิ่มเติมถึงรูปแบบค้าขาย โดยย้อนไปเมื่อครั้งเริ่มต้นธุรกิจ ใช้การคมนาคมทางน้ำ บรรทุกต้นไม้ลงเรือส่งจำหน่ายยังผู้ซื้อ แต่ปัจจุบันความเจริญรุดหน้า ถนนหนทางเข้าถึง สะดวกทั้งผู้ปลูกและผู้ซื้อ

40 ปีกับเส้นทางสายเกษตร 40 ปีกับประสบการณ์ที่พร้อมถ่ายทอดสู่คณะผู้ร่วมทางในครั้งนี้...

สวน ถัดมาตั้งชิดติดกับสวนไม้ดอกไม้ประดับของคุณบุญทัน บนพื้นที่ราว 10 ไร่ ซึ่งเสวนาเกษตรสัญจร ไม่มองผ่าน เพราะแลเห็นไม้กระถางอวดใบเด่นอย่าง ปรง รวมไปถึงไม้ขนาดใหญ่อย่างปาล์ม อดจะชื่นชมฝีมือผู้ปลูกมิได้ ด้วยเพราะรูปทรงต้นไม้แต่ละต้นสวยงาม อุดมสมบูรณ์

คุณศิริพร ต่างใจ หญิงสาววัย 31 ปี บอกกล่าวเรื่องราวความเป็นมาของธุรกิจเกษตร ซึ่งบุกเบิกตั้งแต่รุ่นพ่อแม่ กระทั่งตกทอดมาถึงตนเอง โดยหลังแต่งงานกับสามีคนขยัน คุณบุญทิ้ง ต่างใจ ผู้ให้ความสนอกสนใจต้นไม้ เรียนรู้ และพัฒนาการปลูกเรื่อยมา

คุณศิริพร เล่าว่า ไม้หลักปลูกไว้ ได้แก่ ปรงญี่ปุ่น สนมังกร สำหรับไม้ใหญ่ซึ่งบางต้นราคานับหมื่น นั่นคือ ปาล์ม ส่วนตลาดส่งจำหน่าย ไม่ต้องเดินทางไปต่างถิ่น เพราะผู้ซื้อซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักจัดสวนโครงการหมู่บ้านทั้งแถบกรุงเทพฯ และปริมณฑล เดินทางมารับถึงที่ กับราคาส่งขาย ยกตัวอย่าง ปรง 150-6,000 บาท หรือเทียบรายได้ต่อเดือนราว 300,000 บาท

"จุดเด่นเรียกลูกค้า เรื่องคุณภาพ เพราะมีประสบการณ์ปลูกมานานนับ 10 ปี ราคาถูก ปลูกเองขายเอง ในขณะหลายรายใช้ระบบซื้อมาขายไป ปรงปลูกค่อนข้างยาก โตช้า เหตุนี้จึงมีผู้ปลูกน้อยราย ตัดปัญหาเรื่องคู่แข่งขันไปได้มาก"



กล้วยไม้ช่องามทำเงิน

ปลูกขยาย 100 ไร่เศษ


ชื่น ชมไม้ดอกไม้ใบทั้งขนาดใหญ่ขนาดเล็ก ซึ่งมีตลาดส่งขายในประเทศ ทีมงานขอพาคณะผู้ร่วมทาง เข้าไปสัมผัสไม้เศรษฐกิจทำเงินงาม โดยมีตลาดส่งขายไกลถึงต่างแดน กับ "สวนนพสันติ (ตี๋)" ผู้พลิกฟื้นแปลงผักให้เป็นเรือนกล้วยไม้ กับแปลงแรกเต็มพื้นที่ 40 ไร่ จากนั้นขยับขยายสร้างโรงเรือนใหม่นับรวมแล้ว 100 ไร่เศษ

คุณทศพล นพสันติ บุตรชายคนโตอายุ 29 ปี ผู้รับช่วงสานต่องานด้านการปลูกจำหน่ายกล้วยไม้จากพ่อแม่อย่างเต็มตัว เล่าว่า สายพันธุ์ประจำสวนนพสันติ คือ กล้วยไม้หวาย โจแดง หรือบอมโจแดง แต่กระนั้นยังมีพันธุ์ขาว 5 เอ็น เสริมความต้องการของตลาดหลักประเทศอินเดีย

คุณทศพล เล่าย้อนไปเมื่อครั้งเริ่มต้นกับอาชีพเกษตรกรรม ซึ่งขณะนั้นพ่อแม่ยึดการปลูกผักเลี้ยงครอบครัว ต่อเมื่อเกิดปัญหาแมลงศัตรูพืชรบกวน จนยาฆ่าแมลงมิสามารถต้านทานได้ ส่งผลถึงค่าใช้จ่ายสูง จึงหาทางปรับเปลี่ยนสู่ไม้ชนิดอื่น

"มอง กล้วยไม้ เพราะเห็นถึงการดูแลง่าย สะดวกสบายคนปลูก อย่างน้อยได้หลบแสงแดด แต่เพราะไม่รู้เรื่องราวเกี่ยวกับวิธีปลูก จึงเริ่มต้นศึกษา ทั้งจากผู้รู้ และทดลองด้วยตนเอง โดยพื้นที่เริ่มต้นราว 2 ไร่ กระทั่งปีต่อมาขยับเป็น 4 ไร่ ล้มแปลงผักออก จนเต็มพื้นที่ 40 ไร่"

แม้เงินลงทุนเบื้องต้นสูง ด้วยเพราะซื้อต้นพันธุ์จากผู้ปลูกรายอื่น ตกต้นละ 9-15 บาท โดย 1 ไร่ใช้ต้นกล้าราว 16,000 ต้น หลังปลูกจนลำต้นโตแตกหน่อจึงแยก และจากความคิดมุ่งมั่นพัฒนาขยับขยาย จากนั้นจึงส่งกล้วยไม้เข้าห้องแล็บ ปั่นตาได้เนื้อเยื่อ เพื่อเพิ่มจำนวนประชากรกล้วยไม้ ถือเป็นการลดค่าใช้จ่ายกล้าพันธุ์

"การลงทุน ในปัจจุบันสำหรับโครงสร้างโรงเรือน 1 ไร่ราว 200,000 บาท ต้นกล้าชนิดถูกไม่ใช่เนื้อเยื่อราว 60,000 บาท จากนั้นเป็นค่าปุ๋ยค่ายา ซึ่งในส่วนของสวนนพสันติ สั่งนำเข้าจากต่างประเทศครั้งละจำนวนมาก เพราะมีผู้สนใจหลายรายติดต่อขอซื้อ"

ถามถึงตลาดส่งขาย คุณทศพล ว่า ผู้ค้าขาประจำ 3-4 ราย เข้ามารับซื้อถึงสวน เพื่อนำไปจำหน่ายยังตลาดสี่มุมเมือง ตลาดไท ปากคลองตลาด กับราคาขายขึ้นอยู่กับช่วงฤดูกาลและเทศกาล โดยยกตัวอย่างต้นเดือนเมษายน ราคากล้วยไม้ตกกำละ (9 ขีดถึง 1 กิโลกรัม) 80 บาท ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับกลาง แต่หากเทศกาลสำคัญ อาทิ ตรุษจีน ราคาขยับถึงกำละ 250 บาท

ในส่วนกล้วยไม้คุณภาพส่งขายตลาดต่าง ประเทศ มีผู้ค้าคนกลางมารับถึงสวนเช่นกัน จากนั้นจำหน่ายต่อไปยังประเทศ อิตาลี จีน เวียดนาม เป็นต้น ส่วนราคาหน้าสวน ช่อละ 2-4 บาท หรือเทศกาลสำคัญราคาเคยสูงถึง 9 บาท ซึ่งในแต่ละวันมีผู้ติดต่อขอซื้อครั้งละราว 30,000 ช่อ

"เมื่อก่อน เปิดหน้าร้านประจำ แต่เซ้งไป หันมาดูแลการปลูกอย่างเดียว ซึ่งลูกค้าปัจจุบันได้มาแบบปากต่อปาก และสวนนพสันติ เปิดเป็นแหล่งเรียนรู้และสถานที่ท่องเที่ยว ทำให้ชื่อเสียงของสวนได้รับความสนใจไปด้วย"

เห็นกล้วยไม้สีสันสดใส แต่ละต้นอุดมสมบูรณ์ ชี้ให้เห็นว่าได้รับการดูแลเอาใจใส่อย่างดี ซึ่งคุณทศพล ว่า เห็นละลานตาเช่นนี้ แต่ละต้นมีอายุการปลูก 5-6 ปีแล้ว และสามารถยืนหยัดอยู่ต่อได้ยาวนาน 8-9 ปี

หากใครต้องการทราบเทคนิค เกี่ยวกับการปลูกเลี้ยงดูแล ร่วมเดินทางไปกับเรา ในเสวนาเกษตรสัญจร และเพื่อเติมเต็มให้การท่องเที่ยวครั้งนี้มีสีสัน เสวนาเกษตรสัญจร จัดจ้างรถกระแทะ ไว้รอให้นั่งรับลมอิงแอบแนบธรรมชาติแบบชิดใกล้ ตั้งแต่สวนไม้ดอกไม้ประดับ ไม้กระถางไม้ใหญ่ ปรง ปาล์ม ตลอดจนชื่นชมกล้วยไม้งาม ณ สวนนพสันติ



พืชผัก ผลไม้ ปลอดภัย

มะพร้าว มะม่วงพันธุ์ดี


ก้าว เท้าขึ้นรถตู้ มุ่งสู่วัดไทรใหญ่ นมัสการหลวงพ่อทองคำ ทำบุญ ปิดทอง ถวายสังฆทาน ตามกำลังศรัทธา แวะซื้อหาพืชผักผลไม้ ขนมหวาน อาหารคาว และอีกหลากรายการ ซึ่งผู้ค้าผู้ขายนำมาจัดจำหน่าย ณ ตลาดน้ำไทรน้อย

รับประทานอาหารกลางวันจนอิ่มหนำสำราญ จากนั้นช่วงบ่าย ยังมีสวนแห่งใหม่รออยู่ พร้อมแล้ว มุ่งสู่ "พิพัฒน์ ฟาร์ม" กันเลย...

สวน เกษตรแห่งนี้ตั้งขึ้นเมื่อปี 2543 บนพื้นที่ราว 37 ไร่ ในเขตอำเภอบางบัวทอง โดยมุ่งเน้นผลิตภัณฑ์พืชผักผลไม้ ปลอดภัยจากสารพิษ อาทิ พืชผักสวนครัว อย่าง โหระพา กะเพรา มะเขือ แตงกวา บวบ ผักบุ้งจีน คะน้าฮ่องกง คะน้าเห็ดหอม พริก ฯลฯ หรือในกลุ่มผักสลัด หลากหลายพันธุ์ นอกจากนั้น ยังมีไม้ผล อย่างมะม่วง แก้วมังกร เป็นต้น

พิพัฒน์ ฟาร์ม ถือเป็นฟาร์มแห่งใหญ่ ที่ให้ความใสใจเรื่องระบบการปลูก ไม่ว่าจะเป็น โรงเรือนปลูกผักไร้ดิน ผักกางมุ้ง หรือในรูปแบบเกษตรผสมผสาน โดยอาศัยความรู้จากภูมิปัญญาของไทย ใช้สมุนไพรในการป้องกันและกำจัดแมลง โดยไม่ก่อเกิดอันตรายต่อผู้ปลูก และผู้บริโภค

พิพัฒน์ ฟาร์ม ใส่ใจตั้งแต่กระบวนการปลูกตลอดจนเก็บเกี่ยว ซึ่งใช้ช่วงเวลาเช้า ด้วยเหตุผลว่า ผักมีรสหวาน สดชื่นที่สุด จากนั้นผ่านกระบวนการตัดแต่ง คัดบรรจุในห้องปรับอุณหภูมิและเก็บรักษาไว้ในห้องเย็นอุณหภูมิ 8-10 องศาเซลเซียส เพื่อความสดใหม่ก่อนถึงมือผู้บริโภค

ด้วยการจัดการ ฟาร์มได้มาตรฐาน ผลิตพืชผักผลไม้ปลอดภัยจากสารเคมี ส่งผลให้ พิพัฒน์ ฟาร์ม ได้รับการรับรองแหล่งผลิตพืช (GMP) ตามโครงการอาหารปลอดภัย (Food Safety) ด้านพืช จากกรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์

เลือกซื้อผักปลอดภัยจากสารพิษ เพื่อนำกลับมาปรุงอาหารอร่อย กระนั้นอย่ารอช้า เพราะอีก 2 สวนข้างหน้ารออยู่ ตามคำเรียกร้อง

บรรยากาศ ร่มรื่น โดยมีเจ้าของสวนมะพร้าวน้ำหอมแห่งนี้คอยต้อนรับ คุณลุงชะออม น้อยปั่น เกษตรกรคนขยันที่ต้องยกนิ้วให้ เพราะนอกจากพืชผลหลักอย่างมะพร้าว ปลูกไว้นับ 1,000 ต้น ยังมีพืชผักสวนครัว และผลไม้ หลายรายการ ชูกิ่งก้าน แตกดอกออกผล ผสมผสาน บนพื้นที่สวนราว 100 ไร่

คุณลุงชะออม เล่าว่า เคยปลูกผักส่งขาย แต่ประสบปัญหาด้านการผลิต และการตลาด จึงทดลองนำพันธุ์มะพร้าวน้ำหอมจากสามพราน จังหวัดนครปฐม ทดลองปลูกแซมในสวนผัก หลายปีผ่านพ้น พืชเสริม กลับสร้างรายได้หลัก โดยไม่ต้องเหนื่อยแรง เพราะเมื่อครบกำหนดราว 20 วัน ผู้รับซื้อจะเดินทางมาเก็บผลผลิตถึงที่ ส่วนเจ้าของสวนคอยนับรับเงินอย่างเดียว

ดื่มน้ำมะพร้าว หอม หวาน ชื่นใจ ทั้งแบบสด และแบบเผา คราวนี้ไปต่อยังสวนผลไม้ทำเงินดี อย่างมะม่วงน้ำดอกไม้มัน, เขียวใหญ่, เขียวเสวย, บุญบันดาล, อาทูอีทู และพืชผลหายากหลากหลายชนิด ซึ่งคุณนันทวัน แซ่งสมหวัง เสาะหามาปลูก จัดจำหน่ายได้ราคาดี

ส่วนทำเลขายไม่ต้องไปไกลเช่นกัน เพราะผู้สนใจเดินทางมากดกริ่งสั่งจองไว้ล่วงหน้า โดยครั้งนี้สำหรับคณะผู้ร่วมทางหากลิ้มรสแล้วติดใจ กำเงินไว้เตรียมควักจ่ายได้เลย

เที่ยวชมสวนสุดท้าย พร้อมรับฟังความรู้เกี่ยวกับวิธีปลูกดูแลพืชผล ให้ได้ยินกับหูแลเห็นด้วยตาแล้ว ก่อนกลับ ลิ้มชิมรสข้าวต้มผัด (มัด) ให้กล้วยน้ำว้านวลจันทร์ พืชผลอีกชนิดประจำสวนแห่งนี้

อิ่มท้อง อิ่มตา อิ่มใจ พร้อมรับความรู้จากเกษตรกรตัวจริง ได้ที่นี่... "เสวนาเกษตรสัญจร"






กำหนดการ

วันเดียวเที่ยวสวนเมืองนนท์




วันเสาร์ที่ 23 พฤษภาคม 2552

06.00 น. พร้อมกันที่อาคารข่าวสด รับประทานอาหารเช้า

07.00 น. เดินทางออกจากอาคารข่าวสด ด้วยรถตู้ปรับอากาศ

08.00 น. นั่งรถกระแท้ เที่ยวชม 2 สวนไม้ดอกไม้ประดับ ของ คุณบุญทัน เพิ่มกุศล

และคุณบุญทิ้ง-คุณศิริพร ต่างใจ

09.30 น. รถกระแทะพาท่องดูกรรมวิธีปลูกกล้วยไม้ ตัดดอกขายต่างประเทศ ของ

คุณทศพล นพสันติ

11.00 น. แวะนมัสการ หลวงพ่อทองคำ วัดไทรใหญ่ จากนั้นเลือกซื้อสินค้าเกษตร

และอาหารนานาชนิด ฝีมือชาวบ้านขนานแท้ ที่ตลาดน้ำไทรน้อย

12.00 น. รับประทานอาหารกลางวัน ที่ร้าน "ลิขิต ไก่ย่าง"

13.30 น. ชื่นชมกรรมวิธีปลูกพืชผักนานาชนิด แบบปลอดภัยจากสารพิษ ณ "พิพัฒน์ ฟาร์ม"

15.30 น. ดื่มน้ำมะพร้าวหอมหวานชื่นใจ ในบรรยากาศสวนร่มรื่น ย่านบางกรวย

17.00 น. เข้าสวนมะม่วงน้ำดอกไม้มัน และไม้ผลหายาก

พร้อมชิมข้าวต้มผัด (มัด) ไส้กล้วยน้ำว้านวลจันทร์

18.00 น. เดินทางกลับอาคารข่าวสด โดยสวัสดิภาพ



ค่าใช้จ่ายท่านละ 1,712 บาท

พร้อมอภินันทนาการ สมาชิกนิตยสารเทคโนโลยีชาวบ้าน ฟรี 3 เดือน (6 ฉบับ)

ผู้ สนใจ สมัครโดยโทรศัพท์จองที่นั่งก่อน แล้วโอนเงิน (ตามจำนวนที่ระบุ) เข้าบัญชีออมทรัพย์ ชื่อบัญชี บริษัท มติชน จำกัด (มหาชน) ธนาคารกสิกรไทย สาขาย่อยประชานิเวศน์ 1 เลขที่บัญชี 737-2-13905-0 พร้อมส่งใบนำฝาก โทรสาร (02) 580-4030 หรือสอบถามรายละเอียดได้ที่ โทร. (02) 589-2222, (02) 589-0492 และ (02) 954-4999 ต่อ คุณณัฐสมน 2100, คุณญาฑิกานต์ 2101, คุณวนิดา 2102 และ คุณอนุวัฒน์ 2103

ประกวดภาพถ่ายสารคดี 2552 เปิดรับภาพตั้งแต่บัดนี้จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2552

ประกวดภาพถ่ายสารคดี 2552
เปิดรับภาพตั้งแต่บัดนี้จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2552

เปลี่ยนโลกได้ด้วยใจอาสา
ภาพถ่ายหนึ่งภาพมีพลังส่อง สะท้อนให้เราได้เห็นความงดงามสร้างแรงบันดาลใจ จุดประกายความคิดและความใฝ่ฝัน ให้เราอยากลงมือลงแรงเปลี่ยนแปลงโลกรอบตัวให้ดียิ่งขึ้น



นิตยสาร สารคดี ร่วมกับ เรดบูล สปิริต โครงการกิจกรรมเพื่อสังคมของบริษัท เครื่องดื่มกระทิงแดง จำกัด ขอเชิญชวนผู้รักการถ่ายภาพทั้งมือสมัครเล่นและมืออาชีพ ส่งภาพถ่ายเข้าประกวดในโครงการประกวดภาพถ่ายสารคดีประจำปี 2552 ในหัวข้อ "เปลี่ยนโลกได้ด้วยใจอาสา" เพื่อร่วมเป็นหนึ่งแรงบอกเล่าเรื่องราวดีๆ สนับสนุนให้คนในสังคมพร้อมแบ่งปัน ช่วยเหลือ สละแรงกายและแรงใจเพื่อผู้อื่นด้วยใจอาสา

หลักเกณฑ์

  1. เป็นภาพถ่ายแนวสารคดีที่สื่อความหมายในหัวข้อ "เปลี่ยนโลกได้ด้วยใจอาสา" โดยต้องสะท้อนให้เห็นถึงการทำงานอาสารวมไปถึงการช่วยเหลือและการแบ่งปันที่ เกิดขึ้นในสังคม
  2. เป็นภาพสีหรือขาวดำ ใช้ฟิล์มหรือดิจิทัลก็ได้ เป็นภาพถ่ายที่ไม่ได้ใช้เทคนิคตกแต่งภาพ
  3. ภาพที่ส่งเข้าประกวดต้องอัดขยายบนกระดาษขนาด 4X6 นิ้ว คณะกรรมการจะพิจารณาภาพจากผลที่ปรากฎบนภาพอัดขยายเท่านั้น
  4. ที่ด้านหลังของทุกภาพ ให้ระบุรายละเอียด ได้แก่ ชื่อภาพ, ชื่อ-สกุลผู้ถ่ายภาพ, ที่อยู่ และเบอร์โทรศัพท์ที่ติดต่อได้สะดวก
  5. ภาพถ่ายทั้งหมดจะไม่ส่งคืน ผู้ส่งผลงานเข้าประกวดกรุณาเก็บฟิล์หรือไฟล์ต้นฉบับไว้เพื่อเป็นหลักฐาน
  6. สามารถ ส่งภาพเข้าประกวดได้ไม่จำกัดจำนวน ถ้าผู้ส่งได้รับหลายรางวัล จะตัดสินให้ได้รางวัลสูงสุดเพียงรางวัลเดียว และคำตัดสินของคณะกรรมการถือเป็นที่สิ้นสุด
  7. ภาพที่ได้รับรางวัลที่ 1 โครงการ เรดบูล สปิริต มีสิทธิ์นำไปเผยแพร่ในสื่อทุกประเภท
  8. ขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขและกติกาตาความเหมาะสม

รางวัล

  • รางวัลที่ 1 เงินรางวัล 50,000 บาท
  • รางวัลที่ 2 เงินรางวัล 30,000 บาท
  • รางวัลที่ 3 เงินรางวัล 20,000 บาท
  • รางวัลชมเชย 10 รางวัล รับสิทธิ์เป็นสมาชิกนิตยสาร สารคดี 2 ปี
  • (หมายเหตุ : เงินรางวัลจะถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย 5 เปอร์เซ็นต์)

ส่งผลงานที่: ฝ่ายภาพ นิตยสาร สารคดี 28,30 ถนนปรินายก แขวงบ้านพานถม เขตพระนคร กรุงเทพฯ 10200 วงเล็บมุมซองว่า "ประกวดภาพถ่าย"

ติดตามชมภาพถ่ายที่ผ่านการคัดเลือกได้ในนิตยสาร สารคดี และที่ www.sarakadee.com/photocontest หรือ www.redbullspirit.org

ประกาศผลการตัดสินในเดือนกุมภาพันธ์ 2553
สอบถามรายละเอียดได้ที่นิตยสาร สารคดี โทร. 0-2281-6110 ต่อ 119

อภิสิทธิ์ ปิดประตูเจรจา ทักษิณ คดีอาญา

แย้งเพิ่ม

เมื่อเวลา 13.30 น.วันที่ 20 เม.ย.ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงข้อเสนอภาคอุตสาหกรรมรถยนต์ให้ผู้มีบารมีเข้ามาเป็นตัวกลางให้เจรจากับพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีต นายกรัฐมนตรี เพื่อยุติความขัดแย้งและทำให้เศรษฐกิจเดินหน้า ว่า ขณะนี้กำลังคลี่คลายเหตุการณ์ไปตามลำดับ ซึ่งข้อเสนอที่จะให้มีการเดินหน้าเพื่อสร้างความปรองดองก็จะดำเนินการต่อไป บนความถูกต้อง ก็ยังไม่ทราบว่าที่เสนอจะให้มีการเจรจานั้นเป็นอย่างไร แต่หลักการที่ตนพูดไปนั้นชัดเจนว่าจะไปลบล้างคดีอาญานั้นทำไม่ได้และไม่ควร ทำ

เมื่อถามว่าข้อเสนอการให้นิรโทษกรรมเป็น 1 ในแผนการสร้างความปรองดองด้วยหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในแง่ความผิดทางการเมืองนั้นอยู่ในกรอบที่สามารถเสนอมาเพื่อพิจารณาได้ แต่ก็ต้องดูถึงความเหมาะสม รูปแบบ วิธีการ เหตุและผลของมัน แต่คดีอาญานั้นคงไม่ได้

ผู้สื่อข่าวถามว่าแสดงว่านายกฯ ยอมที่จะเจรจากับพ.ต.ท.ทักษิณ ใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวปฏิเสธว่า ไม่ใช่ เพราะยังไม่ทราบว่าจะไปเจรจาเรื่องอะไร เพราะรู้สึกว่าในส่วนที่พ.ต.ท.ทักษิณมีปัญหานั้นเป็นเรื่องของคดีอาญาทั้ง นั้น

"ผมยังนึกไม่ออกเลยว่ากรอบการเจรจากันนั้นคืออะไร แต่ยืนยันว่าจะคุยกับคนที่ต้องการเรียกร้องอยู่ในกรอบ ไม่ใช้ความรุนแรง ไม่ยุยงส่งเสริมให้เกิดความรุนแรง"

เมื่อถามว่าจะกลายเป็นบรรทัดฐานหรือไม่ว่าคนที่ทำความผิดและสร้างความ ปั่นป่วนอาจไม่ต้องได้รับโทษ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ยังไม่ได้ข้อสรุปในเรื่องนี้ แต่เราต้องฟังเสียงของผู้ที่ไม่พอใจกับเหตุการณ์ต่างๆที่ผ่านมา อย่างที่ตนได้พูดไว้ว่าอะไรที่พอมีเหตุผลก็นำมาพูดคุยกัน แต่เรื่องคดีอาญาทำไม่ได้ ส่วนความผิดทางการเมืองก็ต้องมาดูกันอีกครั้งว่ามีอะไรบ้าง และรูปแบบที่จะทำนั้นทำได้มากน้อยแค่ไหน เพียงแต่เมื่อตนเริ่มต้นกระบวนการดังกล่าวก็ต้องเปิดกว้างพอสมควร หากไปขีดเส้นไม่พูดเรื่องเหล่านี้เลยก็คงพูดกันยาก จึงต้องมาดูกันว่าความเป็นธรรมอยู่ตรงไหนอย่างไร

เมื่อถามว่ามีข่าวว่าพรรคร่วมรัฐบาลเสนอให้มีการเจรจากับ พ.ต.ท.ทักษิณ อยู่ในกรอบใดบ้าง นายอภิสิทิ์ กล่าวว่า พรรคร่วมยังไม่มีการเสนอเข้ามา เมื่อถามย้ำว่าตอนนี้นายกฯ ถูกพรรคร่วมบีบอยู่ใช่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวปฏิเสธว่า "ไม่หรอกครับ ผมมีอะไรก็ปรึกษาหารือทุกพรรค ซึ่งแต่ละพรรคก็ต้องมีจุดยืนและเสนอเข้ามา ตรงบ้างไม่ตรงบ้างก็เป็นเรื่องปกติ จากนั้นก็ต้องหาทางออกร่วมกัน "

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่เปิดประชุมร่วม 2 สภา แต่แนวโน้มดูจะมีแต่ความขัดแย้งมากกว่าการสร้างความปรองดอง นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในที่ประชุมพรรคประชาธิปัตย์วันนี้ ( 20 เม.ย.) ก็จะขอให้สมาชิกพรรคหลีกเลี่ยงที่จะทำให้เวทีดังกล่าวไปทำให้เกิดความขัด แย้งมากขึ้น ความตั้งใจของตนคือต้องการรับฟังความคิดเห็นของสมาชิก รวมทั้งความคลางแคลงใจต่อเหตุการณ์หรือการตัดสินใจของรัฐบาล เขาก็สามารถที่จะนำเสนอและตรวจสอบเพื่อที่รัฐบาลจะได้ชี้แจงได้

"ประเด็นต่อมาคือการเดินไปข้างหน้าว่าจะทำอย่างไรที่ทุกฝ่ายจะมาช่วยกัน หาทางออกเพื่อความสงบสุขของบ้านเมือง และหากสมาชิกจะเสนอในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ การบังคับใช้กฎหมาย ก็เป็นสิทธิ์ของสมาชิกแต่อยากให้ทุกฝ่ายมาประชุมเพื่อหาทางออกมากกว่าที่จะ มาทะเลาะกันซึ่งได้บอกกับทุกพรรคให้ไปบอกกับลูกพรรคแล้วว่าทำอย่างไรให้เวที นี้ไม่เติมความขัดแย้ง "นายกรัฐมนตรีระบุ

เมื่อถามว่าทางพรรคเพื่อไทยตั้งเงื่อนไขว่า หากจะออกกฎหมายนิรโทษกรรมต้องคืนพรรคไทยรักไทยกลับคืนมาด้วย นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ใครคิดจะเสนออะไรก็เสนอมา เราจะได้ทราบความต้องการที่แท้จริงของแต่ละฝ่ายว่าคืออะไร

ต่อข้อถามว่ากฎหมายนิรโทษกรรมในความหมายของนายกฯคืออะไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า วันนี้เรากำลังพูดถึงการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญและกการปฏิรูปการเมือง แต่ยังไม่มีการพูดถึงกฎหมายนิรโทษกรรม ซึ่งถ้ายังมีใครติดใจเกี่ยวกับความผิดทางการเมืองที่ผ่านมาก็สามารถที่จะ เสนอมาได้ แต่ตนขีดเส้นไว้ว่าความผิดทางอาญาไม่สามารถเป็นส่วนหนึ่งของการไขปัญหาตรง นี้ได้ ส่วนความผิดทางการเมืองจะมีประเด็นอะไรบ้าง ใครคิดอย่างไรก็ให้เสนอมาเพื่อพิจารณาร่วมกัน

ผู้สื่อข่าวถามว่าแสดงว่าสมาชิกบ้านเลขที่ 111 ของไทยรักไทยและสมาชิก 109 ของพรรคพลังประชาชน ที่เขาไม่ได้มีความผิดทางอาญาก็มีสิทธิ์ที่จะเสนอเข้ามาได้ใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เขามีสิทธิ์เสนอมา ซึ่งทุกคนมีสิทธิ์เสนอมาได้ทั้งหมด ส่วนข้อยุติจะเป็นอย่างไรก็ต้องมาทำความเข้าใจ เหตุผลและหลักการ ข้อกฎหมายก็มาคุยกันอีกครั้ง

ผู้สื่อข่าวถามว่านายพีรพันธ์ พาลุสุข ฝ่ายกฎหมายของพรรคเพื่อไทย เสนอว่าควรจะมีการยกเลิกเรื่องต่างๆทั้งหมดเพราะหลังการรัฐประการ 19 กันยายน เป็นกระบวนการทางการเมืองทั้งหมด ทั้งเรื่องของ คตส.หรือคดีความต่างๆ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คงจะไปสรุปอย่างนั้นไม่ได้

เมื่อถามว่าในส่วนของคนเสื้อเหลืองกับเสื้อแดงที่มีคดีอาญาทั้งสองฝ่ายจะ ปรองดองกันได้อย่างไร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า กรอบต้องเอาตัวระบบเป็นหลักก่อน ถ้ามาแก้ไขเพียงเพื่อแก้ไขปัญหาให้กับกลุ่มบุคคลแต่ไม่ได้ทำให้ระบบดีขึ้นก็ คงไม่ทำ ดังนั้นต้องมีคำตอบที่ชัดเจนว่าระบบดีขึ้นอย่างไร และเป็นไปได้ว่าในที่สุดก็ต้องกลับไปถามประชาชน เพราะมีการพูดกันว่าในประเด็นที่ยังมีความเห็นที่แตกต่างกันสูงก็ต้องใช้ กระบวนการไปสอบถามประชาชน ส่วนจะทำในรูปแบบใดนั้นยังไม่ลงรายละเอียด ตอนนี้ต้องเปิดกว้างเอาทุกข้อเสนอมาวางบนโต๊ะ

"ผมจะไม่ยึดประโยชน์ของกลุ่มคนแต่จะยึดประโยชน์ของส่วนรวม และทุกอย่างที่จะทำต้องมีเหตุผลและตอบคำถามได้ ถ้าตอบไม่ได้ก็ไม่ควรทำ สิ่งที่ต้องการในขณะนี้คือข้อเรียกร้องที่เกี่ยวข้องกับระบบและการปฏิรูปการ เมืองก็สามารถเสนอมาได้ จะได้นำมาพิจารณากันบนโต๊ะ ไม่ไปพูดในลักษณะคนละทีแล้วเก็บไปเป็นเงื่อนไขในการสร้างความขัดแย้งในบ้าน เมือง"นายกรัฐมนตรี กล่าวยืนยัน

เมื่อถามว่าได้กำหนดเวลาหรือไม่ว่าจะได้ใช้เวลาเท่าไหร่กระบวนการจึงจะ สำเร็จ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในส่วนของพรรคการเมืองต่างๆที่คุยกันไว้ 2 สัปดาห์ก็ควรต้องพร้อม จากนั้นก็มาดูว่าหลังจากนั้นประเด็นมีความซับซ้อนมากน้อยแค่ไหน และกระบวนการควรเป็นอย่างไรต่อไป ที่ผ่านมารัฐบาลก็พยายามให้องค์กรที่มีความเป็นกลางดำเนินการแต่ไม่ได้รับ การยอมรับ

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของสถาบันพระปกเกล้าที่จะให้มาเป็นตัวกลางในกระบวนการปฏิรูปการเมือง ก็ยังไม่ได้ตัดทิ้งไป เมื่อเช้า( 20 เม.ย.) ก็เพิ่งคุยกับนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ เลขาสถาบันพระปกเกล้าว่ายังไม่ได้ทิ้งไป เพียงแต่ตอนนี้ได้เร่งให้พรรคการเมืองมีความชัดเจนมากขึ้นว่าจะเอาอย่างไร

ผู้สื่อข่าวถามว่าในทางกลับกันระหว่างที่นายกรัฐมนตรีต้องการสร้างความ สมานฉันท์แต่ทั้งโฆษกพรรคประชาธิปัตย์และโฆษกส่วนตัวกลับมีท่าทีตรงข้ามจะ แก้ปัญหาอย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ในการประชุมพรรควันนี้ก็จะพูดกันอีกครั้ง และตนก็เพิ่งโทรศัพท์ไปบอกว่าให้ระมัดระวังในการให้สัมภาษณ์

เมื่อถามว่าถ้าทุกอย่างเรียบร้อยจะนำไปสู่การยุบสภาหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ก็ไปอีกขั้นหนึ่งแล้ว วันนี้ต้องมาดูกระบวนการกันก่อว่าจะแก้ไขอย่างไร เรื่องการยุบสภาจะไหตอบล่วงหน้าไม่ได้ เพราะเป้าหมายคือการมาแก้ไขที่ตัวระบบจึงต้องเอาเรื่องนี้เป็นหลักก่อน หลังจากนั้นจะเป็นอย่างไรก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง

ผู้สื่อข่าวถามว่าคาดว่าจะยกเลิกการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ได้เมื่อไหร่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขณะนี้เหลือในเรื่องการคลี่คลายคดีความบางอย่าง รวมทั้งการใช้กลไกบางอย่างที่จะไปพูดคุยเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอย เจ้าหน้าที่ที่ทำงานด้านนี้ขอเวลา ซึ่งตนคิดว่าอีกไม่นาน อีกไม่กี่วัน เมื่อถามถึงการดำเนินการกับแกนนำ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในส่วนของแกนนำคดีเหล่านี้ก็ไม่สามารถจบลงในช่วงนี้ได้ คดีก็ต้องเดินของมันต่อไป

ต่อข้อถามว่าดูเหมือนขณะนี้รัฐบาลไล่ล่าตามจับแกนนำกลุ่มเสื้อแดงใน พื้นที่ต่างจังหวัด ทั้งที่พ.ร.ก.ฉุกเฉินไม่ครอบคลุม นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่ได้อาศัยอำนาจของ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เมื่อถามย้ำว่าแต่ดูเหมือนรัฐบาลจงใจจะจับกุมฝ่ายค้านให้เข้าคุกทั้งหมด นายกรัฐมนตรี กล่าวปฏิเสธว่า ไม่ใช่ ยืนยันว่าไม่มีเรื่องของการไล่ล่า ไล่รุกทางการเมือง เพียงแต่ใครก็ตามที่มีส่วนก่อความไม่สงบก็มีความผิดทางอาญา โดยเฉพาะในพื้นที่ที่ไม่ได้ประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินก็ยิ่งชัดเจนว่าเป็นความผิดทางอาญาเท่านั้นถึงจะไปดำเนินได้ ตนต้องการให้เห็นชัดว่าการทำความผิดทางอาญากับการทำความผิดทางการเมืองไม่ เหมือนกันแน่นอน

"ผมได้ให้นโยบายไว้ชัดเจนว่าเรื่องการเมืองและการแสดงความเห็นที่แตกต่าง ทางการเมืองนั้นทำได้ แต่ความผิดทางอาญาก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ไม่มีใครสามารถที่จะอ้างเหตุผลทางการเมืองไปทำความผิดทางอาญา เช่น ไปยุยงให้เกิดความรุนแรงนั้นทำไม่ได้ เพราะบ้านเมืองจะไม่มีทางสงบ"นายกรัฐมนตรีกล่าว

เมื่อถามว่ากังวลหรือไม่ที่พรรคเพื่อไทยเตรียมยื่นเรื่องให้ดีเอสไอตรวจ สอบ กรณีการดำเนินการสลายการชุมนุมของรัฐบาลและทหาร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่กังวล การตรวจสอบสามารถทำได้ แต่ไม่แน่ใจว่าเป็นอำนาจของดีเอสไอหรือ เปล่า เมื่อถามว่าเป็นห่วงหรือไม่ ที่พ.ต.ท.ทักษิณ ยังนำเรื่องทหารยิงประชาชนระหว่างการชุมนุมไปขยายความในต่างประเทศ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ก็เคยเห็นว่านำรูปไปแสดง รัฐบาลก็ชี้แจงแล้ว และคิดว่าขณะนี้ต่างประเทศก็มีความเข้าใจดีระดับหนึ่งแต่ก็จะมีการชี้แจงต่อ เนื่อง

สิบเอก อ้างพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ลวง2ด.ญ.วัย9ขวบกระทำชำเรา คาสระน้ำ

ส.อ.จีรศักดิ์ หรือแจ็ค สมสุข
ส.อ.จีรศักดิ์ หรือแจ็ค สมสุข

สิบเอก สังกัดศูนย์การบินทหารบก เกิดอารมณ์หื่น ลวง 2 ด.ญ. วัย 9 ขวบ ที่กำลังเล่นน้ำอยู่ในสระน้ำภายในค่ายทหาร ไปแก้ผ้า อ้างทำตามพ.ร.ก.ฉุกเฉิน บอกให้รอหมายขับรถไปข่มขืนกระทำชำเรา โชคดี พ่อมาเจอก่อน หลังเห็นหายไปนานผิดสังเกต

เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 20 เมษายน 2552 นายทหารเวรศูนย์การบินทหารบก (ศบบ.) ต.เขาพระงาม อ.เมือง จ.ลพบุรี นำตัว ส.อ.จีรศักดิ์ หรือแจ็ค สมสุข อายุ 34 ปี อยู่บ้านเลขที่ 129 หมู่ 4 ต.ท่าวุ้ง อ.ท่าวุ้ง จ.ลพบุรี ซึ่งรับราชการเป็นทหารสังกัดศูนย์การบินทหารบก ส่งมอบให้กับ พ.ต.ท.วีระชัย เหลืองวิไล สารวัตรเวร สภ.เมืองลพบุรี เพื่อดำเนินคดีในข้อหา ข่มขืนกระทำชำเราเด็กหญิงอายุไม่เกิน 13 ปี

ทั้งนี้เมื่อเวลา 12.00 น.วันที่ 15 เมษายน นายแฟรงค์ (นามสมมุติ) อายุ 65 ปี สัญชาติยูโกสโลวาเกีย มีอาชีพเป็นนักบิน และได้ภรรยาเป็นคนไทยอยู่ที่อำเภอบ้านหมี่ จ.ลพบุรี พาลูกสาวซึ่งเป็นลูกครึ่งอายุ 9 ขวบพร้อมเพื่อนอีก 1 คนอายุ 9 ขวบเท่ากัน มาเล่นน้ำที่สระน้ำภายในค่ายศูนย์การบินทหารบก และขณะที่เด็กทั้ง 2 คนกำลังเล่นน้ำอยู่นั้น ส.อ.จีรศักดิ์ซึ่งเข้าเวรปฏิบัติหน้าที่อยู่ที่ป้อมทางเข้าศูนย์การบินทหาร บก ได้เดินมาที่สระน้ำทั้งๆที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง จากนั้นได้เรียกเด็กหญิงทั้ง 2 คนให้ขึ้นไปหา พร้อมพูดสอบถามว่ามาจากไหนและเข้ามาได้อย่างไร และได้ใช้มือจับอวัยวะเพศ จากนั้นปล่อยให้เด็กลงเล่นน้ำต่อ ส่วน ส.อ.จีรศักดิ์เดินหายไป

ต่อมา ส.อ.จีรศักดิ์เดินกลับมาที่สระน้ำอีกครั้ง และได้เรียกเด็กหญิงทั้ง 2 คนที่กำลังเล่นน้ำกันอยู่ ให้ขึ้นจากน้ำไปหา และได้พาเดินเข้าไปในห้องอาบน้ำ พร้อมกับบอกให้เด็กหญิงทั้ง 2 คน ถอดผ้าออกให้หมด เพราะจะตรวจค้นตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เด็กหญิงทั้ง 2 คนหลงเชื่อจึงถอดเสื้อผ้าออกหมด จากนั้น ส.อ.จีรศักดิ์ได้ใช้ลิ้นกระทำกับอวัยวะเพศของเด็กหญิงทั้ง 2 คน เป็นเวลาประมาณครึ่งชั่วโมง จนอารมณ์หื่นขึ้นเต็มที่ ส.อ.จีรศักดิ์ได้บอกกับเด็กหญิงทั่ง 2 คนให้รออยู่ที่ในห้องน้ำ ห้ามเดินไปไหนไม่อย่างนั้นจะมีความผิด และ ส.อ.จีรศักดิ์ได้ไปขับรถยนต์เก๋งยี่ห้อฮอนด้าซีวิคสีดำ มาจอดหลังห้องน้ำเพื่อนำตัวเด็กหญิงทั้ง 2 คนไปที่อื่น แต่นายแฟรงค์ ซึ่งเป็นพ่อและเห็นลูกสาวพร้อมเพื่อนหายไปนานเดินตามมา และเดินมาพบก่อนจึงดึงตัวลูกสาวและเพื่อนเอาไว้ ส่วน ส.อ.จีรศักดิ์เมื่อเห็นพ่อมาตามหาลูกสาวพบ จึงรีบขับรถหลบหนีไปทันที

จากนั้นนายแฟรงค์ได้สอบถามลูกสาวและเพื่อนลูกสาวถึงเหตุการณ์ที่เกิด ขึ้นทั้งหมด หลังทราบเรื่องราวนายแฟรงค์พร้อมญาติภรรยาที่เป็นคนไทย ได้นำตัวลูกสาวและเพื่อนลูกสาว เดินทางเข้าแจ้งความกับ พ.ต.ท.วีระชัย เหลืองวิลัย สารวัตรเวร สภ.เมืองลพบุรี ในเวลา 15.00 น.วันที่ 15 เมษายน 2552 เพื่อดำเนินคดีกับ ส.อ.วีรศักดิ์ หลังรับแจ้งความและลงบันทึกประจำวันเอาไว้เป็นหลักฐาน จากนั้นได้ประสานไปยังนายทหารเวรศูนย์การบินทหารบก ขอให้ช่วยควบคุมตัว ส.อ.จีรศักดิ์ โดยนายทหารเวรติดตามไปคุมตัวเอาไว้ได้ในขณะที่ ส.อ.จีรศักดิ์เก็บ เสื้อผ้าเพื่อเตรียมตัวหลบหนี และได้ควบคุมตัวเอาไว้ชั่วคราวก่อนเนื่องจากเป็นวันหยุดติดต่อกันหลายวัน และในวันนี้เปิดวันเปิดทำงานราชการ จึงได้นำตัว ส.อ.จีรศักดิ์มามอบให้กับตำรวจเพื่อสอบปากคำเบื้องต้น โดยตำรวจแจ้งข้อหาให้ทราบว่า ข่มขืนกระทำชำเราเด็กหญิงอายุไม่เกิน 13 ปี จากนั้นทำการพิมพ์มือและสอบปากคำต่อ ก่อนมอบตัวให้นายทหารเวร นำตัวกลับไปควบคุมเอาไว้ตามข้อตกลงระหว่างกระทรวงกลาโหมกับสำนักงานตำรวจ แห่งชาติต่อไป

ญาติของเด็กหญิงทั้ง 2 คนกล่าวว่า และการที่ตนนำเด็กมาเล่นน้ำที่สระว่ายน้ำของศูนย์การบินทหารบก เนื่องจากเห็นว่าอยู่ในค่ายทหารคงจะมีความปลอดภัยที่สุดแล้ว คิดไม่ถึงเลยว่าจะมาเจอเหตุการณ์เช่นนี้ ซึ่งตนขอเอาเรื่องจนถึงที่สุด

ตำรวจนายหนึ่งกล่าวว่า ส.อ.จีรศักดิ์นับว่ามีประวัติร้ายน่าดูคนหนึ่ง โดยในเดือนธันวาคม 2549 ได้ก่อเหตุล่อลวงหญิงอื่นซึ่งมิใช่ภรรยาตน ไปข่มขืนที่ โรงแรมแห่งหนึ่งในเขตอำเภอเมืองลพบุรี โดยมีการขึ้นโรงพักแจ้งความ แต่สุดท้ายตกลงกันได้โดยฝ่ายหนึ่งยอมรับเงินชดใช้ค่าเสียหาย และในเดือนเดียวกัน ส.อ.จีรศักดิ์ได้ก่อเหตุทำร้ายร่างกายของผู้อื่นจนได้รับบาดเจ็บสาหัส และชิงทรัพย์ของผู้เสียหายไป ซึ่งก็มีการแจ้งความกับตำรวจให้ดำเนินคดี และ ส.อ.จีรศักดิ์ได้ตกลงค่าเสียหายโดยยอมชดใช้เงินให้ผู้เสียหาย 50,000 บาท และศาลทหารได้ตัดสินรอลงอาญาเป็นเวลา 2 ปี และ ส.อ.จีรศักดิ์ได้มาก่อคดี ข่มขืนกระทำชำเราเด็กหญิงอายุไม่เกิน 13 ปีอีก 2 คนดังกล่าว

แชทลวงเด็กหญิง ม.1 โจ๋ไฮไฟว์สุดแสบ พาหนีพ่อแม่เข้าโรงแรม

แชทลวงเด็กหญิง ม.1 โจ๋ไฮไฟว์สุดแสบ พาหนีพ่อแม่เข้าโรงแรม
แชทลวงเด็กหญิง ม.1 โจ๋ไฮไฟว์สุดแสบ พาหนีพ่อแม่เข้าโรงแรม

เวลา 09.00 น. วันนี้ ( 21 เม.ย.) ตำรวจสภ.เมืองเชียงใหม่ นำตัวนายพิษณุ หรือแม็ค เงื่อนพิมาย อายุ 23 ปี อยู่บ้านเลขที่ 82/1 หมู่ 3 ต.ลังกางใหญ่ อ.พิมาย จ.นครราชสีมา ไปขออำนาจฝากขังต่อศาลจังหวัดเชียงใหม่

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อ เวลา 09.00 น. วันนี้ ( 21 เม.ย.) พนักงานสอบสวน สภ.เมืองเชียงใหม่ นำตัวนายพิษณุ หรือแม็ค เงื่อนพิมาย อายุ 23 ปี อยู่บ้านเลขที่ 82/1 หมู่ 3 ต.ลังกางใหญ่ อ.พิมาย จ.นครราชสีมา ไปขออำนาจฝากขังต่อศาลจังหวัดเชียงใหม่

พ.ต.ต.ไกรศรี จุฬพรรค์ สว.สส. สภ.เมือง เชียงใหม่ กล่าวว่า คดีนี้เกิดขึ้นช่วงดึกคืนวันที่ 20 เม.ย. ตำรวจชุดสืบสวนได้รับแจ้งจากผู้ปกครองมีลุกสาวถูก นายพิษณุ ล่อลวงไป เช่าพักอยู่ห้อ 205 โรงแรมปรางค์ทิพย์ ถนนพหลโยธิน อ.เมืองลำปางจ.ลำปางจึงไปประสาน ร.ต.ท.อนุรักษ์ นิลเขตร์ รอง สว.สส. สภ.เมืองลำปาง ตำรวจท้องที่เข้าไปช่วยเหลือ เด็ก หญิงแดง (นามสมมติ) อายุ 13 ปี นักเรียนชั้น ม.1 ใน จ.เชียงใหม่ ออกมาได้ และจับกุมตัวนายพิษณุ ผู้ต้องหานำตัวมามอบให้ เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีในข้อหาพรากเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี ไปเสียจากบิดามารดาหรือผู้ปกครองโดยปราศจากเหตุอันควร ในชั้นการจับกุมผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อหา

พ.ต.ต.ไกรศรี กล่าวต่อว่าว่าผู้ต้องหารายนี้ได้รู้จักกับ เด็กผู้เสียหายอยู่ระหว่างปิดเทอมผู้ปกครองได้ซื้อเครื่องคอมได้เล่นอินเทอร์เน็ตอยู่ที่บ้านและเด็กได้เข้าไปโพสต์รูปในโปรแกรมไฮไฟว์ ต่อมาผู้ต้องหาได้เข้ามาโพสต์และรู้จักติดต่อกันผ่านทางอินเทอร์เน็ตได้ ประมาณ 1 เดือน ผู้ต้องหาไม่ได้ทำงานอะไรขอเงินพ่อแม่ใช้ เมื่อวันที่ 13 เม.ย.ที่ผ่านมาได้ขึ้นมาเที่ยวงสงกรานต์ที่ จ.เชียงใหม่และนัดให้เด็กหนีออกบ้านออกมาหา ก่อนที่จะพาเด็กไปร่วมหลับนอน ที่โรงแรมใน จ.ลำปาง กระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยเหลือออกมาได้ จนถึงขณะนี้ ยังไม่มีญาติมาเยี่ยมหรือมายื่นประกันตัวผู้ต้องหารายนี้แต่อย่างใด

เครียดไปหรือเปล่า...มาเช็คดีกรีความเครียดกันเถอะ!

ความเครียดมีกันทุกคนแหละค่ะ แต่จะมาก-น้อยขึ้นอยู่กับปัญหา การคิด และการประเมินสถานการณ์ของแต่ละคน ถ้าคุณความเครียดแบบพอดีๆ ก็เป็นเรื่องดีเพราะจะกระตุ้นให้มีพลัง กระตือรือร้นที่จะสู้ ผลักดันให้เอาชนะอุปสรรค์ต่าง ๆ แต่ถ้าเครียดมากไป ก็ต้องหาทางผ่อนคลายกันหน่อย ก่อนอื่น ลองทำแบบทดสอบนี้ ดูซิว่าความเครียดของคุณอยู่ระดับไหน ต้องตอบตามความเป็นจริงที่สุดนะคะ

แบบทดสอบระดับความเครียด



1. นอนไม่หลับเพราะคิดมากหรือกังวลใจ .....ไม่เลย ....เป็นบางครั้ง ....บ่อยๆ ...ทุกวัน

2. รู้สึกหงุดหงิดหรือรำคาญอยู่บ่อยๆ .....ไม่เลย ....เป็นบางครั้ง ....บ่อยๆ ...ทุกวัน

3. รู้สึกเบื่ออาหารตลอดเวลา .....ไม่เลย ....เป็นบางครั้ง ....บ่อยๆ ...ทุกวัน

4. รู้สึกเบื่อกับทุกสิ่งทุกอย่างในโลก .....ไม่เลย ....เป็นบางครั้ง ....บ่อยๆ ...ทุกวัน

5. ไม่อยากพบปะผู้คน .....ไม่เลย ....เป็นบางครั้ง ....บ่อยๆ ...ทุกวัน

6. ปวดหัวข้างเดียว หรือปวดขมับทั้งสองข้าง .....ไม่เลย ....เป็นบางครั้ง ....บ่อยๆ ...ทุกวัน

7. รู้สึกเศร้าหมอง ไม่มีความสุขในชีวิต .....ไม่เลย ....เป็นบางครั้ง ....บ่อยๆ ...ทุกวัน

8. รู้สึกกลัวผิดพลาดในการทำสิ่งต่าง ๆ .....ไม่เลย ....เป็นบางครั้ง ....บ่อยๆ ...ทุกวัน

9. ปวดเกร็งกล้ามเนื้อท้ายทอย หลัง หรือไหล่ .....ไม่เลย ....เป็นบางครั้ง ....บ่อยๆ ...ทุกวัน

10. ตื่นเต้นง่ายกับเหตุการณ์ที่ไม่คุ้นเคย .....ไม่เลย ....เป็นบางครั้ง ....บ่อยๆ ...ทุกวัน

11. มึนงงหรือเวียนศีรษะ ประสาทตึงเครียด ....ไม่เลย ....เป็นบางครั้ง ....บ่อยๆ ...ทุกวัน

12. ความสุขทางเพศลดลง .....ไม่เลย ....เป็นบางครั้ง ....บ่อยๆ ...ทุกวัน

13. รู้สึกเพลียจนไม่มีแรงจะทำอะไร .....ไม่เลย ....เป็นบางครั้ง ....บ่อยๆ ...ทุกวัน

14. รู้สึกกลัวผิดพลาดในการทำสิ่งต่าง ๆ .....ไม่เลย ....เป็นบางครั้ง ....บ่อยๆ ...ทุกวัน

15. รู้สึกว่าไม่มีสมาธิ .....ไม่เลย ....เป็นบางครั้ง ....บ่อยๆ ...ทุกวัน

16. รู้สึกว่าตนเองไม่มีคุณค่า หมดหวังในชีวิต.....ไม่เลย ....เป็นบางครั้ง ....บ่อยๆ ...ทุกวัน

17. ร้องไห้มากกว่าที่เคยร้องโดยปกติ .....ไม่เลย ....เป็นบางครั้ง ....บ่อยๆ ...ทุกวัน

18. รู้สึกหมดศรัทธาในมนุษย์ .....ไม่เลย ....เป็นบางครั้ง ....บ่อยๆ ...ทุกวัน

19. รู้สึกท้อถอย ลังเลในการตัดสินใจ .....ไม่เลย ....เป็นบางครั้ง ....บ่อยๆ ...ทุกวัน

20. รู้สึกเป็นคนล้มเหลวในชีวิตโดยสิ้นเชิง .....ไม่เลย ....เป็นบางครั้ง ....บ่อยๆ ...ทุกวัน


เกณฑ์การให้คะแนน

ตอบ ไม่เลย(0 คะแนน)
ตอบ เป็นบางครั้ง(1 คะแนน)
ตอบ บ่อยๆ(2 คะแนน)
ตอบ ทุกวัน(3 คะแนน)

คะแนน 1-10 – สบาย สบาย คุณเป็นคนปกติธรรมดา ยิ้มให้กับตัวเองได้เลย คุณรู้สึกว่าทุกอย่างจัดการได้ เมื่อผจญวิกฤตคุณไม่เคยสับสนหรือผิดพลาด รู้จักควบคุม คุณมีความกดดันแต่พอเหมาะ เพื่อผลักดันตนเองไปสู่ความสำเร็จ ว่าแต่ว่าคุณอย่าตั้งเป้าหมายไว้ต่ำเกินไปแล้วกัน

คะแนน 11-16 – ปล่อยวางได้ คุณมีความเครียดระดับปกติ รับมือกับความเครียดกำลังดี มั่นใจและเชื่อการตัดสินใจของตนเอง รู้ว่าต้องมีช่องว่างให้ตัวเองเพื่อผ่อนคลาย รักษาสมดุลอารมณ์ให้ดี แค่นี้ชีวิตก็มีความสุขแล้ว ความเครียดระดับนี้ถือว่ามีประโยชน์เป็นแรงจูงใจนำไปสู่ความสำเร็จ

คะแนน 17-20 – เฝ้าระวัง ความเครียด ความกังวล ความทุกข์ร้อนของคุณอยู่ขั้นปานกลาง และกำลังจะก่อตัวเป็นความเครียด จนเกิดการเจ็บป่วยได้ ต้องระวังตัว ควบคุมสติไว้ให้ได้

คะแนน 21-30 – อาการน่าเป็นห่วง คุณรู้สึกท้อแท้ กดดัน ซึ่งมาจากความไม่เชื่อมั่นตนเอง ควรจัดการชีวิตให้เป็น แก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้าให้ได้ จัดการภาระวุ่นวายให้เสร็จ อย่าผลัดวันประกันพรุ่ง ถ้าอยากพักผ่อนก็ควรพัก แล้วจะรู้ว่าคุณสามารถกุมชะตาชีวิตตัวเองได้

คะแนน 31-40 – ต้องการความช่วยเหลือ คุณมีความเครียดระดับสูง ซึ่งอาจรู้สึกได้จากการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย อารมณ์ และความรู้สึก แต่ไม่ชัดเจน ต้องใช้เวลาปรับตัว หยุดกดดันตัวเองบ้าง ชีวิตมีเรื่องให้ทำมากก็จริงอยู่ แต่คุณมีอยู่ 2 มือ 2 ขาเท่านั้น เลือกทำแต่ที่มีประโยชน์ ไร้สาระก็ควรตัดไป หาเวลาว่างให้ตัวเองผ่อนคลาย ความกดดันจะค่อย ๆ มลายหายไปเอง ควรหากิจกรรมทำบ้าง เช่น ออกกำลังกาย ดูหนัง ฟังเพลง อ่านหนังสือ ที่สำคัญควรพูดคุยกับคนที่ไว้ใจ จัดการ แก้ปัญหาอย่างรอบคอบและมีสติ

คะแนน 41- 60 – ต้องการความช่วยเหลือด่วนจริงๆ คุณกำลังเครียด กังวล กดดัน จนอาจลืมตัว อยู่ในภาวะตึงเครียด หรือกำลังเผชิญวิกฤตชีวิต ซึ่งส่งผลต่อสุขภาพกายและใจ ทำให้ชีวิตไม่มีความสุข คิดฟุ้งซ่าน ตัดสินใจผิดพลาด ขาดความยับยั้งชั่งใจ จนบางครั้งอาจมีพฤติกรรมก้าวร้าวรุนแรง หากปล่อยไว้อาจนำไปสู่ความเจ็บป่วยทางจิตที่รุนแรง ควรปรึกษาจิตแพทย์ ซึ่งจะช่วยให้เห็นแนวทางแก้ไขที่เหมาะสม

“ลักษณ์” โวไม่เคยกลัวอะไร กรณีขึ้นเวทีด่า “ป๋า” จัญไร

“ลักษณ์ ธงหัก” โวไม่กลัวถูกเจ้าหน้าที่เรียกหลังขึ้นเวที นปช.ด่าประธานองคมนตรีจัญไร ลั่นคนอย่างตนไม่เคยหนีและไม่เคยสะทกสะท้าน ปากดีบอกจะปลุกระดมมวลชนก็ได้แต่ไม่ทำเพราะกลัวบ้านเมืองวุ่นวาย ก่อนคุยที่ผ่านมาทั้งโดนขู่ฆ่าและถูกอุ้มมาแล้ว

คุยโวเสียงดังฟันธงทีเดียวสำหรับหมอดูหมอเดา “ลักษณ์ เรขานิเทศ” หลังไปร่วมแจกจตุคามฯ พร้อมขึ้นเวทีให้กับ นปช.ด่ายับประธานองคมนตรีว่าจัญไรพร้อมทำพิธีสาปแช่งก่อนที่กลุ่มคนเสื้อแดง จะก่อจลาจลไปทั่วกรุงฯ ทั้งเผารถเมล์ ไล่ยิงชาวบ้านราวกับอันธพาล กระทั่งทหารต้องเข้ามาควบคุมสถานการณ์ในช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา

"ลักษณ์ เรขานิเทศ" บนเวทีนปช.
ในขณะที่เจ้าหน้าที่ได้ออกหมายจับบรรดาแกนนำที่ยุยงปลุกระดมด้วยข้อ ความเท็จให้คนเสื้อแดงเผาบ้านเผาเมืองไปแล้วบางส่วน ทางด้านของหมอดูหมอเดาเองบอกว่าหากจะมีหมายเรียกมาที่ตนบ้างก็พร้อมเสมอ และจะไม่หนีไปไหนด้วย

ก่อนปากเก่งบอกตนจะปลุกระดมมวลชนก็ได้แต่ไม่อยากทำเพราะกลัวบ้านเมืองวุ่นวาย

“ภายหลังที่ประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ทุกคนเป็นห่วงผม เป็นทุกข์หมด เป็นทุกข์ทั้งถูกคนด่า ผมก็ต้องก้มหน้ารับกรรมว่ามันเป็นอย่างนั้น ผมไม่ได้รับเงินใคร ผมมีอุดมการณ์อย่างนั้น ผมเป็นของผมแบบนี้ ที่บ้านเป็นทุกข์หมดเลยนะ แต่ผมไม่กลัวหรอก เรียกก็ไปถ้าผมผิดผมก็ยอมรับผิด

ยังครับ ยังไม่มีหมายเรียก แต่ถ้าเรียกผมผมก็ไป และผมก็จะอธิบายว่าเป็นอย่างนี้ ผมจะถือว่าเป็นชะตากรรม ทั้งที่ผมอารยะขัดขืน ผมก็จะไปต่อสู้ตามกระบวนการของผม โดยที่ผมจะไปปลุกระดมก็ได้แต่ผมไม่ทำหรอก เพราะผมคิดว่าแค่นี้ก็วุ่นวายมากพอแล้ว

เอาเถอะนะ เรื่องแค่นี้จะทำให้ผมโดนหมายหรืออะไรผมก็จะไปชี้แจงสู้เพื่อการยุติธรรม เพื่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรม คนอย่างลักษณ์ เลขานิเทศ ไม่หนีออกนอกประเทศ ไม่หนีแน่นอน เพราะว่าเราเป็นคนชัดเจนไง ผิดก็ผิดยอมรับ

ผมไปแจกก่อนแล้วค่อยขึ้น ไม่ได้ไปขึ้นแล้วค่อยมาแจก ถ้าผมไปขึ้นแล้วค่อยแจกมันเป็นหนังคนละม้วนเลยนะ แต่วันนั้นมีคนเห็นมากมาย แต่ไม่ต้องเอาคนมาเป็นพยานหรอก เพราะมีเทปมีอยู่เยอะแยะผมว่าเวลาทีวีช่องต่างๆ อยู่แล้ว แต่ผมเชื่อว่าถ้าคนไม่ผิดแล้วติดคุกนะเป็นกรรมเก่า ผมก็อาจจะมีกรรมเก่าก็ได้

เผยเคยโดนขู่ฆ่าโดนด่ามาแล้วสารพัดจนไม่รู้สึกสะทกสะท้าน ส่วนที่ทำไปเพราะก็เพราะความรักชาติ ...ผมบอกได้เลยว่าตอนนี้ผมโดยข่มขู่โทร.มาด่าผมมากมาย แต่ผมเชื่อว่าความยุติธรรมยังมีอยู่ในโลกนี้ ซึ่งผมก็มีความรักชาติรักแผ่นดิน และที่ผมไปทายก็เพื่อที่จะไปปรามหรือเตือนให้ทุกฝ่ายลดละที่จะทำให้เกิดการ นองเลือด

แต่ที่ผมทำหน้าที่ก็คือหน้าที่หนึ่งที่ทำได้เอาของไปแจกทั้งทหารและตำรวจ และก็ได้ขึ้นเวทีไปปรามว่ามันจะเกิดการนองเลือดนะ โอเครอบๆ ประเทศอาจจะมี แต่ผมไม่รู้หรอกว่าคนไหนเป็นเสื้อแดงจริงไม่จริง ถูกขู่ฆ่าถูกด่าสารพัด คนด่าเยอะแยะมาก ผมไม่สะทกสะท้านหรอก”

ยอมรับอาจจะมีผลกระทบต่อลูกค้าที่มาดูดวง แต่ถ้าตนดูแม่นก็ไม่น่าจะมีปัญหา...“มันต้องรอระยะเวลาหนึ่ง มันต้องมีผลกระทบต่ออาชีพอยู่แล้ว แล้วผมเป็นหมอดู ความแม่นยำเป็นเรื่องที่สำคัญกว่าเรื่องอื่นใด ถ้าตราบใดผมยังแม่นอยู่ก็ยังมีคนมาดูดวงกับผม แต่ถ้าวิชาผมเสื่อมเมื่อไหร่ผมคงต้องเลิก”

“สาทิตย์” รู้ทันเล่ห์ “เจ๊เพ็ญ”

“สาทิตย์” รู้ทันเล่ห์ “เจ๊เพ็ญ” เล่นเกมใต้ดิน จี้แจงต่างชาติ
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 21 เมษายน 2552 10:44 น.
คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น
สาทิตย์ วงศ์หนองเตย

รมต.สำนักฯ ฮึดฮัดใส่ “จักรภพ” เล่นเกมใช้ดิน งัดมาตรการเชิงรุกแจงต่างชาติ เหตุใช้เป็นฐานโจมตีไทยขู่ตรึง พ.ร.ก.ฉุกเฉินรับมือเสื้อแดงเจ้าเล่ห์อ้างทำบุญสามเหลี่ยมดินแดงยังต้วม เตี้ยมไม่เลิก ผลิตซีดีแจงยุติชุมนุมเสื้อแดง 1 ล้านแผ่นสัปดาห์หน้า

วันนี้ (21 เม.ย.) นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายจักรภพ เพ็ญแข แกนนำ นปช. หลบหนีออกไปนอกประเทศแล้วตั้งป้อมเตรียมแผนการต่อสู้ใต้ดินให้กลุ่มคนเสื้อ แดงต่อว่า ขณะนี้มีการออกหมายจับนายจักรภพไปแล้วและต่อไปคงต้องมีการบังคับดำเนินการ ให้เป็นไปตามกฎหมายโดยถึงที่สุด เพราะคงเห็นเจตนาชัดเจนว่าเป็นแกนนำคนหนึ่งที่นิยมปลุกปั่นให้ใช้ความรุนแรง มาโดยตลอด และเป็นเงื่อนไขหนึ่งให้การชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงมีความรุนแรงขึ้น มีการทำผิดกฎหมาย

รมต.ประจำสำนักนายกฯ กล่าวด้วยว่าการประกาศตัวว่าจะไปต่อสู้ใต้ดิน ฝ่ายรัฐบาลก็ต้องมีการเตรียมการที่ดีในเรื่องนี้ เพราะเราเข้าใจดีว่านายจักรภพ มีการติดต่อกับพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯในการพยายามที่จะใช้สื่อต่างประเทศ ซึ่งตั้งแต่ช่วงที่มีสถานการณ์ทางรัฐบาลได้จัดตั้งวอร์รูม เพื่อพิจารณาเกี่ยวกับเรื่องต่างประเทศโดยมีนายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกฯ และกระทรวงการต่างประเทศรับผิดชอบ ส่วนนี้ก็คงต้องทำงานหนัก เพราะทั้งพ.ต.ท.ทักษิณและนายจักรภพก็อยู่นอกประเทศและพยายามใช้สื่อต่างชาติ ตลอด

“ความจริงมีสื่อต่างชาติบางคนที่อยู่ในประเทศและนอกประเทศที่ทำงาน รับใช้พ.ต.ท.ทักษิณใกล้ชิด เมื่อคืนวันที่20เม.ย.ก็มีการเปิดเผยโดยรายการโทรทัศน์บางช่องอยู่แล้ว และในที่ประชุมพรรคประชาธิปัตย์ที่ผ่านมา ก็มีสมาชิกเสนอเรื่องนี้นายกฯจึงได้มอบให้ผมประสานกับผู้เกี่ยวข้องหลายฝ่าย ช่วยกันติดตามว่าเป็นใคร มีความเคลื่อนไหวอย่างไรในทางที่จะทำให้เกิดความเสียหายกับประเทศ ซึ่งคงต้องทำงานหนักในการชี้แจงตลอดระยะเวลาที่มีการตอบโต้ให้ร้ายประเทศไทย โดยต้องใช้เครือข่ายและสื่อทุกชนิดที่เรามีอยู่ทั้งหมด คิดว่าหลังจากนี้ไปสงครามข่าวสารข้อมูลคงสู้กันเต็มรูปแบบ ทั้งเชิงรับและเชิงรุก นายกฯให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มากและคงมีหลายทีมขึ้นมาช่วยกัน เป้าหมายหลักคือเพื่อชี้แจงทำความเข้าใจกับคนในประเทศและชี้แจงกับสื่อมวลชน และบุคคลที่อยู่ภายนอกประเทศ”นายสาทิตย์ กล่าว และว่าส่วนการผลิตซีดีล้านแผ่นเพื่อชี้แจงเหตุการณ์การชุมนุมที่ผ่านมาคง ดำเนินการเสร็จภายในสัปดาห์นี้เพื่อแจกจ่ายให้ประชาชนทั่วประเทศ โดยจะจัดทำเป็นชุด ๆ

เมื่อถามถึง กลุ่มคนเสื้อแดงจะจัดพิธีทำบุญบริเวณสามเหลี่ยมดินแดงในวันที่ 23 เม.ย.มองว่าจะเป็นการปลุกระดมเพื่อปลุกม็อบขึ้นมาอีกครั้งหรือไม่ นายสาทิตย์ ตอบว่า ขึ้นอยู่กับเจตนาในการเคลื่อนไหว เท่าที่ดูที่เขาประกาศสู้เต็มที่และลงใต้ดิน คงมีหลายวิธีที่จะต้องเตรียมการรับมือ การจัดทำบุญที่ดินแดง อาจจะเป็นการอ้างเหตุการณ์ขึ้นมาแล้วดำเนินการ แต่เบื้องลึกต้องดูว่าเจตนาเขาต้องการอะไร

“จริง ๆ ช่วงนี้ที่ยังไม่เลิกบังคับใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ก็เพราะเรื่องนี้ เพราะมีข่าวตลอดเวลาว่าจะมีการเคลื่อนไหว และความจริงวันนี้ก็พูดชัดว่าจะเคลื่อนไหวให้ครบ 10 จังหวัดแล้วบุกกรุงเทพฯอีก ถือว่านี่เป็นข่าวร้ายประเทศไทย ซึ่งไม่ควรจะมีแล้ว” รมต.ประจำสำนักนายกฯ กล่าว

นายสาทิตย์ กล่าวว่าต้องไม่ลืมว่าข้อเรียกร้องหนึ่งของคนเสื้อแดงหรือคนที่ถูกแบนทางการ เมืองคือการแก้รัฐธรรมนูญ แต่ขณะนี้รัฐบาลเปิดทางแล้วก็ควรกลับมาสู่ระบบการแก้ไขตามข้อเรียกร้องของตน เอง และควรกลับเข้าสู่ระบบรัฐสภา ถ้าไปจัดชุมนุมอีกนอกจากจะซ้ำรอยแล้วยังจะซ้ำเติมสถานการณ์ภายในประเทศด้วย ส่วนการประกาศชุมนุมอีกจะกระทบต่อการใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯออกไปอีกหรือไม่ นั้นต้องดูว่าถ้ามีเจตนาให้เกิดความวุ่นวายก็มีผลแน่นอน

เมื่อถามถึง กรณีเสียงวิจารณ์เหตุผลการที่ผบ.ตร.ไปออกทีวีชี้แจงการดำเนินคดีกับม็อบ เสื้อแดงกับเสื้อเหลืองไม่ได้เป็นสองมาตรฐาน นายสาทิตย์ กล่าวว่า ความจริงการชี้แจงของตำรวจเป็นไปตามที่นายกฯขอให้มีการชี้แจงเพราะมีการ วิจารณ์กันมากว่าฝ่ายหนึ่งทำเร็วอีกฝ่ายทำช้า คดีไม่คืบหน้า ซึ่งเป็นการชี้แจงข้อเท็จจริง เชื่อว่าทำให้สังคมเข้าใจมากขึ้นว่าตำรวจทำอะไร แต่ต้องดูปฏิกิริยาต่อว่ากลุ่มพันธมิตรฯ หรือคนเสื้อแดง จะว่าอย่างไร เชื่อว่าสิ่งที่ตำรวจแถลงไปนั้น ในการประชุมร่วมรัฐสภาคงจะมีการพูดกัน อย่างไรก็ตามเหตุการณ์ที่ทางตำรวจยืนดูเฉย ๆ แล้วปล่อยให้ม็อบบุกเข้าไปในสถานที่ต่างๆ นั้นไม่ควรจะต้องเกิดขึ้นอีก เพราะทุกฝ่ายก็เห็นจุดอ่อนช่องโหว่แล้ว

เมื่อถามว่า พรรคประชาธิปัตย์ยังติดใจเรื่องการเสนอให้ปรับเปลี่ยนตัว ผบ.เหล่าทัพหรือผบ.ตร.อีกหรือไม่ เพราะมองว่าผู้ดูแลงานความมั่นคงอ่อนเกินไป นายสาทิตย์ กล่าวว่า เป็นเรื่องตัวบุคคลที่ติดใจอยู่ อาจมีเสียงวิจารณ์อยู่บ้าง คนที่ยังติดใจอยู่ก็คงต้องขอคำชี้แจงจากคนที่เกี่ยวข้อง

“แม้ว” เผยธาตุแท้

“แม้ว” เผยธาตุแท้ จาบจ้วง “ในหลวง” รู้เห็นรัฐประหาร - “เพ็ญ” โพล่งเดินแผนใต้ดิน
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 20 เมษายน 2552 22:28 น.
ทักษิณ เริ่มพูดกระทบถึงสถาบันรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
ไฟแนนเชียลไทมส์/เอเอฟพี/เอเยนซีส์ - “นช.แม้ว” ไร้เงาหัว สำแดงธาตุแท้จ้องทำลายสถาบันสูงสุดอย่างโจ่งแจ้ง บังอาจกล่าวอ้างถึง “ในหลวง” ว่าทรงทราบเรื่องการทำรัฐประหารโค่นล้มเขาก่อนเกิดเหตุยึดอำนาจ เติมเชื้อไฟใส่ความ พล.อ.เปรม นำคณะองคมนตรีและนายพลชั้นนำเข้าเฝ้าฯ ถวายรายงานถึงแผนการก่อนลงมือ เล่นลิ้นป้ายขี้ “พัลลภ” คาบข่าวมาบอก ขณะที่นายพลทหารแก่ปัดเรื่องโกหกคำโตของทักษิณ


รายงานข่าวจากหนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียลไทมส์ ซึ่งเขียนโดย โรบิน วิกเกิลสเวิร์ธ ในดูไบ และเซเรนา ทาร์ลิง ในลอนดอน ระบุถึงการให้สัมภาษณ์ของ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่กล่าวพาดพิงถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งทรงเป็นที่เคารพเทิดทูนของพสกนิกรทั่วประเทศว่า พระองค์ทรงทราบเรื่องการทำรัฐประหารของฝ่ายทหารเพื่อโค่นล้มเขาในปี 2549 ตั้งแต่ก่อนเกิดการลงมือยึดอำนาจขับไสตัวเขาออกจากตำแหน่งแล้ว

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทรงเป็นที่เคารพสักการะของประชาชนชาวไทยประหนึ่งสมมติเทพ อีกทั้งถือกันว่าทรงอยู่เหนือการเมือง และระหว่างที่ประเทศเกิดความปั่นป่วนวุ่นวายทางการเมือง ในสายตาของสาธารณชนก็เห็นว่าทรงวางพระองค์อยู่ห่างไม่ทรงเกี่ยวข้องด้วย

ทว่า ในการให้สัมภาษณ์กับไฟแนนเชียลไทมส์ ทักษิณผู้ซึ่งถูกพิจารณาถอดยศ ถูกถอนพาสปอร์ตทุกประเภทของราชอาณาจักรไทย และตกเป็นนักโทษหนีคดีอาญาในเวลานี้ กลับอ้างว่า ตั้งแต่ก่อนหน้าการรัฐประหารปี 2549 จะเกิดขึ้นแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงได้รับการบรรยายสรุปจากพวกนายพลชั้นนำและองคมนตรีหลายคน ในเรื่องแผนการของพวกเขาที่จะโค่นล้มอดีตนายกรัฐมนตรีผู้ก่อให้เกิดการแตก แยกแบ่งขั้วผู้นี้

บรรดาเจ้าหน้าที่ของไทยต่างปฏิเสธข้ออ้างของทักษิณที่ว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงทราบเรื่องเกี่ยวกับการรัฐประหารตั้งแต่ก่อนที่จะเกิดขึ้น “นี่เป็นการกล่าวหาที่ไม่มีมูลความจริงโดยสิ้นเชิง มันเป็นการโกหกชัดๆ” โฆษกผู้หนึ่งของสถานเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงลอนดอน กล่าวกับไฟแนนเชียลไทมส์

สำนักพระราชวังของไทยไม่เคยแถลงแสดงความเห็นในเรื่องข่าวลือที่ เกี่ยวข้องกับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แต่บุคคลอาวุโสชาวไทยผู้หนึ่งที่ใกล้ชิดกับสถานการณ์ ได้พูดถึงข้อกล่าวหานี้ว่า “ไม่เป็นความจริงโดยสิ้นเชิง”

ขณะที่ นายธฤต จรุงวัฒน์ อธิบดีกรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ ก็กล่าวกับสำนักข่าวบลูมเบิร์กว่า “เป็นไปไม่ได้ที่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จะทรงทราบเรื่องการรัฐประหารตั้งแต่ก่อนที่จะเกิดขึ้น เราได้ตรวจสอบกับแหล่งข่าวจำนวนมาก และทราบว่าพระองค์มิได้ทรงทราบเลยจวบจนกระทั่งการรัฐประหารเกิดขึ้นแล้ว”

ตามคำกล่าวของทักษิณ การรัฐประหารคราวนั้นได้ถูกนำเสนอให้เห็นว่าเป็นการกระทำเพื่อพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว โดยที่คณะองคมนตรีหลายคนก็กำลังกล่าวหาว่า ทักษิณ ไม่มีความจงรักภักดี ทักษิณบอกว่า เขาได้รับการบอกเล่าเรื่องนี้ในเวลาต่อมาจาก พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี แต่อย่างไรก็ตาม พล.อ.พัลลภ ได้เคยยืนยันว่าเขาได้พบกับทักษิณจริง ทว่าปฏิเสธว่าไม่ได้มีการหารือเรื่องการเมืองแต่อย่างใด

ทักษิณยังอ้างว่า พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ อดีตผู้บัญชาการทหารบก และอดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุด ซึ่งได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งองคมนตรี เมื่อเดือนพฤศจิกายน พ.ศ.2546 อีกทั้งจะเข้าดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรีชั่วคราวภายหลังการรัฐประหารคราว นั้น ก็อยู่ในที่เข้าเฝ้าตอนที่มีการพูดถึงแผนทำรัฐประหารด้วย

“พล.อ.สุรยุทธ์, พล.อ.เปรม (ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี) และองคมนตรีอีกคนหนึ่ง ได้ไปเข้าเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และทูลต่อพระเจ้าอยู่หัวว่า พวกเขาจะกระทำการเพื่อพระองค์ ด้วยการเล่นงานผมเพราะผมนั้นไม่จงรักภักดีต่อพระเจ้าอยู่หัว” ทักษิณ กล่าว “นั่นเป็นจุดเริ่มต้นของกระบวนการทั้งหมด”

เมื่อเขาพยายามที่จะปราบปรามการประท้วงต่อต้านรัฐบาลภายหลังการเข้า เฝ้าคราวนั้น ทักษิณ บอกว่า “ผมก็ไม่สามารถที่จะบังคับใช้กฎหมายได้ เพราะไม่มีใคร (ในกองทัพจะ)ให้ความร่วมมือ เนื่องจากมีใครบางคนคอยผลักดันอยู่เบื้องหลังทหาร”

ไฟแนนเชียลไทมส์ให้ภูมิหลังของทักษิณไว้ว่า อดีตอภิมหาเศรษฐีด้านสื่อสารผู้นี้ เป็นนักการเมืองเพียงคนเดียวที่เคยชนะได้คะแนนเสียงข้างมากในการเลือกตั้ง ของไทย แต่เขาถูกโค่นจากตำแหน่งในปี 2549 ภายหลังเกิดการประท้วงของพวกเสื้อเหลืองที่สนับสนุนฝ่ายค้านอยู่หลายสัปดาห์

หลังจากนั้นฝ่ายทหารได้ส่งมอบอำนาจให้แก่รัฐบาลพลเรือน ทว่ามีอดีตนายพลหลายคนซึ่งถวายงานเป็นที่ปรึกษาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ หัว และประเทศไทย ก็ยังคงต้องย่ำแย่ด้วยการปะทะขัดแย้งกันทางการเมืองระหว่างฝ่ายเสื้อแดงกับ ฝ่ายเสื้อเหลือง

สำหรับ ทักษิณ เวลานี้ ไฟแนนเชียลไทมส์บอกว่า ใช้ชีวิตแบบลี้ภัยตามที่เขาเลือกเอง เพื่อหลบหนีข้อกล่าวหาคอร์รัปปชั่นที่ตามเล่นงานเขาอยู่

“จักรภพ” หวังใช้สื่อนอกเพื่อปลุกปั่นต่อ

สำนักข่าวเอเอฟพี และสำนักข่าวบลูมเบิร์กเมื่อวานนี้ ต่างเสนอข่าวการให้สัมภาษณ์ของนายจักรภพ เพ็ญแข แกนนำคนหนึ่งของกลุ่มคนเสื้อแดง ซึ่งถูกออกหมายจับในความผิดฐานยุยงให้เกิดความไม่สงบในบ้านเมืองด้วย โดยบลูกเบิร์กกล่าวว่า นายจักรภพให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์จาก “สถานที่ซึ่งไม่เปิดเผย” ขณะที่เอเอฟพีกล่าวว่า “จากสถานที่แห่งหนึ่งซึ่งไม่ทราบว่าที่ไหนในต่างประเทศที่เขากำลังหลบซ่อน อยู่”

นายจักรภพบอกกับเอเอฟพีว่า เขาต้องหลบหนีออกนอกประเทศ เพื่อไม่ให้ถูกจับกุมตัวตามหมายจับ

“เราพาตัวเรามาอยู่ในสถานที่ปลอดภัยแห่งหนึ่ง และเรากำลังจัดตั้งสำนักงานขึ้นมา เพื่อใช้ในการดำเนินงานของขบวนการต่อไป” นายจักรภพกล่าว และบอกต่อไปว่า “เราได้จัดทำยุทธศาสตร์บางประการออกมา ดังนั้นเราจึงต้องใช้เวลาเพื่อที่จะวิเคราะห์สถานการณ์”

ในการพูดกับบลูมเบิร์กนั้น นายจักรภพใช้ท่าทีแข็งกร้าวยิ่งกว่า โดยกล่าวว่าพวกเขาวางแผนที่จะ “ปฏิบัติการในเร็วๆ นี้” ถ้าหากนายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ยังไม่ยอมเสนอมาตรการรูปธรรมเพื่อการปรองดอง

“ตอนนี้ประชาชนกำลังหงุดหงิดและพร้อมแล้วที่จะต่อสู้ต่อไป” และ “เราสามารถคาดหมายได้ว่าจะมีการปฏิบัติการอีกมากมาย มันยังไม่จบลงจริงๆ หรอก”

นายจักรภพคุยว่า กำลังวางแผนจะนำการเคลื่อนไหวต่อสู้แบบปิดลับ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายของพวกตน

“เราวางแผนที่จะอยู่ใต้ดินไปตราบเท่าที่มีความจำเป็น” นายจักรภพบอก “การต่อสู้ในประเทศไทยนั้นได้เลยพ้นจุดที่จะยอมแพ้แล้ว มันอยู่ในจุดที่ทั้งสองข้างต่างจะมีการเข้าร่วมอย่างกว้างขวางมหาศาล และเมื่อมีพลวัตทางการเมืองประเภทนี้ขึ้นมา ก็ไม่มีใครหรอกที่สามารถพูดได้จริงๆ ว่า ต่อไปจะเกิดอะไรขึ้น”

แอน มิตรชัย โหมงานหนัก ผมเพรียว ทันตาเห็น ส่วนเรื่องหัวใจ ย้ำ ยังว่าง




@@@ใช้ความพยายามมานาน เป็นปี ในเรื่องของการลดน้ำหนัก สำหรับ แอน จริยา มิตรชัย นักร้องสาว นางเอกลิเก คนสวย น้องสาว เอ ไชยา มิตรชัย เพราะมีคนแซวว่าเวลา เล่นลิเก เป็นนางเอกคู่พี่ ชาย แล้วตัวใหญ่มากจนบังพี่ชายมิดเลย ล่าสุดเจอกันผมเพรียว ทันตาไปทำอะรมา “ สวัสดีค่ะ ก็พยายามมานานนะค่ะ อยากให้ผอม แต่ไม่สำเร็จ พักหลังๆ ก็เลยช่างมันไม่ได้ควบคุมอาหาร หรือ ทำอะไรพิเศษ แต่ที่ผอมลง คงเป็นเพราะเรื่องงาน ด้วย เพราะตอนนี้แอนมาดูแล ทุกอย่าง ทั้งลิเก คอนเสิร์ต การเตรียมเรื่องโชว์ ทำทุกอย่าง เวลาพักผ่อนก็เลย น้อย ทำให้ ผอม ก็คงเป็นเรื่องดี ของการทำงานด้วยนะค่ะ” แล้วเรื่องทำงานเพลง จะออกมาเมื่อไหร่ครับ “ เรื่องเพลง คงขอพักเอาไว้ก่อน เพราะไม่มีเวลาจริงๆ ตอนนี้ ทั้งของพี่เอ แล้วก็แอนเอง ทั้ง ลิเก คอนเสิร์ต งานโชว์ ตัวต่าง ๆ ไหนจะมีละคร ที่กำลังถ่ายทำตอนนี้ เรื่อง สุภาพบุรุษชุดวิน อีกด้วย เรื่องเพลง คงต้องเบรคไว้ก่อนค่ะ” เรื่องเล่นละคร พี่ชาย เอ ไชยา เป็นพระเอก มาหลายเรื่องแล้วนะ เมื่อไหร่จะถึงคิวน้องสาวเป็นนางเอกบ้างล่ะ “ คงจะไม่ดีกว่านะค่ะ เราคงไม่เหมาะถึงเป็นบทนางเอก กับบทต่างๆ ที่ได้รับเลือกให้เล่นตอนนี้ก็ดีแล้วค่ะ แอนคิดว่า ถ้าเราทำให้ดี เล่นบทไหนแสดงเป็นอะไรก็ ทำให้เต็มที่ จะดีกว่านะค่ะ” ได้ข่าวเรื่อง จะทำงานการกุศล “ค่ะจะเป็นลิเกการ กุศล หารายได้ให้เด็กกำพร้า วัดสระแก้ว ในวันที่ 18 เมษายน นี้ ที่ศูนย์วัฒนธรรม อย่าลืมมาดูกันนะค่ะเป็นการรวม ลิเก หลาย ๆ คณะ รวมถึงทางกรมศิลปากรด้วย วันนั้น แอน จะมีโชว์พิเศษ จากอินเดียด้วยนะค่ะ ยังไม่ได้บอกใครเลยนะค่ะนี่ ก็ไปจองบัตรได้ที่ไทยทิคเก๊ต ทุกสาขาค่ะ และ จะมีงานแถลงข่าวกัน วันที่ 3 เมษายน นี้ บ่ายโมงที่ศูนย์วัฒนธรรม เช่นกันค่ะ ” ทำงานเยอะขนาดนี้ มีเวลาว่างให้หนุ่มๆเข้ามาจีบบ้างไหมนี่ “ ไม่มีเลยค่ะ ฝากบอกเลยนะค่ะ ว่าตอนนี้โสด สนิท ใครไปบอกว่าเป็นแฟน แอน อย่าไปเชื่อทำงานทุกวันค่ะ ส่วนว่าถ้ามีเมื่อไหร่ รับรอง บอกให้รู้แน่นอน ค่ะ ” ก็ ต้องนับเป็น นางเอกลิเกขวัญใจ บรรดา แม่ยก อีกคน ของวงการบ้านเรา ที่ช่วยกันสืบสานและอนุรักษ์ ไม่ให้ ลิเกไทยสูญหายไปตามกาลเวลา @@@

ฝรั่งจีบ-"เอ"เชื่อ"แอน"ดูแลตัว

น ชื่อว่าหวงในตัว "แอน-จริยา" น้องสาว พอถามว่าหลังจากที่มีหนุ่มฝรั่งชาวเยอรมันตามจีบน้อง แล้วเป็นอย่างไรบ้าง พระเอกหนุ่มขวัญใจแม่ยก "เอ"ไชยา มิตรชัย หัวเราะก่อนกล่าวว่า

"เป็นห่วงมากกว่าครับ ส่วนเรื่องหวงนั้นเป็นหน้าที่ของพี่ชายอยู่แล้ว ซึ่งผมก็บอกเขาว่าผมเป็นห่วง"

จาก นั้นก็กล่าวอีกว่า "ส่วนตัวผมไว้ใจว่าเขาดูแลตัวเองได้ ด้วยวัยถือว่าโตอีกระดับหนึ่งแล้ว เรียนก็จบปริญญาโท ประสบความสำเร็จแล้ว ตอนนี้ถ้าจะมาโฟกัสเรื่องคู่ครองบ้างก็คงตามประสา ครอบครัวเรา ซึ่งจะมีพ่อแม่ญาติๆ ช่วยสแกน ก่อนจะเข้าที่ประชุมครับ"

"ไชยา"ฟันร่วมแสนแม่ยกแห่คล้องมาลัย



''เอ-ไชยา'' แม่ยกแห่คล้องแบงก์เฉียดแสนบาท ยังไม่นับจากคนอื่นๆ ที่แม่ยกพ่อยกก็ต่างเตรียมแบงก์มาคล้อง ท่ามกลางแฟนๆ ลิเกนับร้อยที่ต้องตะลึง จนทำให้การแสดงล่าช้า เพราะคล้องกันยาวเหยียด รายได้มอบเด็กกำพร้าวัดสระแก้ว อดีตบ้านหลังแรกของพระเอกลิเกเงินล้าน

เมื่อวันที่ 18 เม.ย. สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ ร่วมกับ ครูบุญเลิศ นาจพินิจ จัดมหกรรมลิเกการกุศล เรื่อง ''ยอดขุนพล'' ที่หอประชุมใหญ่ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย โดยมีบรรดาแฟนๆ ลิเก ที่เป็นทั้งแม่ยกพ่อยกที่ต่างมาจากทั่วสารทิศ เพื่อมาร่วมกันทำบุญ และคล้องพวงมาลัยติดแบงก์ให้กับลิเกคนโปรด แต่จำนวนผู้มาชมก็ยังดูบางตาไม่เต็มหอประชุม

เนื่องจากมีแฟนๆ หลายคนสับสนว่าทางผู้จัดได้เลื่อนจัดงาน เพราะสถานการณ์บ้านเมืองที่ไม่สงบ คอนเสิร์ตครั้งนี้ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตื่นตาตื่นใจตั้งแต่ยังไม่เปิดม่านการแสดงด้วยซ้ำ เพราะเมื่อบรรดาพระเอกนางเอกลิเกรวมทั้งตัวประกอบได้มาปรากฏตัวหน้าเวที ไม่ทันจะได้แนะนำตัว บรรดาแฟนคลับโดยเฉพาะของ ''เอ'' ไชยา มิตรชัย ที่ขนพวงมาลัยติดแบงก์ มาคล้องกันชนิดล้นคอ เหลือแค่จมูกกับตา มองด้วยสายตาน่าจะไม่ต่ำกว่า 1 แสนบาท

ส่วนบรรยากาศของการแสดงนั้น มีการแสดงเป็นเรื่องราว โดยมีตัวแสดงที่มีชื่อเสียง รางวัลการันตีความสามารถทั้งสิ้น อาทิ ครูบุญเลิศ นาจพินิจ, ปกรณ์ พรพิสุทธิ์ พระเอกกรมศิลป์, เฉลิมชัย มาลัยนาค, มานพ ไม้หอม, เฉลิมชัย-ระพีพร มาลัยนาค, เทพบัญชา หลานหอมหวล, นพรัตน์ ไม้งาม, ''แอน'' จริยา มิตรชัย, ''แอม-ปริญญา'' พร้อมกับโชว์ระบำหน้าท้อง ที่งานนี้เรียกเสียงเฮฮา จากสาวตาคม ''แอน'' จริยา มิตรชัย ด้วย

''เอ'' ไชยา มิตรชัย พระเอกลิเกเงินล้าน ได้กล่าวขอบคุณผู้ชมที่ให้การสนับสนุนทุกๆ คน โดยการซื้อบัตรเพื่อเข้าชมการแสดงลิเกในครั้งนี้ ไม่ได้เพียงแต่ชมเพื่อความสนุกสนานเท่านั้น แต่ยังจะได้บุญจากการช่วยเหลือเด็กกำพร้าและเด็กยากจนวัดสระแก้วด้วย

''ต้องขอขอบคุณมากๆ ครับ ในฐานะที่ผมเคยเป็นสมาชิกคณะลิเกเด็กกำพร้าวัดสระแก้วมาก่อน รู้สึกดีใจมากที่รายได้ส่วนหนึ่งจะถูกนำไปช่วยเหลือเด็กกำพร้าและเด็กยากจน วัดสระแก้ว ซึ่งค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดูนั้นสูงมากๆ ในแต่ละวัน ฉะนั้นรายได้จากการแสดงมหกรรมลิเกในครั้งนี้จะช่วยให้น้องๆ อีกหลายพันชีวิตได้อย่างมาก ในฐานะตัวแทน ก็ต้องขอขอบคุณจากใจ ณ โอกาสนี้มาด้วยครับ'' ไชยา มิตรชัย กล่าว


” เอ-ไชยา มิตรชัย” คืนจอสวมชุดวิน จับคู่’น้ำฝน’ล่าฝัน

ent101อ้า แม่ยกทั้งหลายเร่เข้ามาที่ช่อง 3 ได้แล้ว เมื่อพระเอกยี่เกเงินล้าน เอ-ไชยา มิตรชัย หวนคืนจออีกครั้ง ประกบคู่กับนางเอกหน้า หวาน น้ำฝน-พัชรินทร์ จัดกระบวน-พล ในละครเรื่อง “เทพบุตรชุดวิน” โดยเมื่อวันก่อนผู้จัดฯ กอบสุข จารุจินดา ได้นำ ไชยา-น้ำฝน และทีมนักแสดงประกอบด้วย ต๊อก-ศุภกรณ์, เอเอ-ปัญญาพล, แอนดี้ เขมพิมุข, เอ็กซ์-จตุรงค์, ต่อ-เรืองฤทธิ์ ฯลฯ ไป จัดกิจกรรมอยู่ที่หน้าอาคารมาลีนนท์ ถนนพระรามสี่ มีเกมให้แฟนๆได้เล่นชิงรางวัล ขณะเดียวกันก็ได้ใกล้ชิดกับดารา นักแสดงด้วย สำหรับในละครเรื่องนี้ ไชยา รับบทเป็น เพชร ไอ้หนุ่มวินมอเตอร์ไซค์รับจ้าง แต่มีพรสวรรค์ด้านร้อง เพลง จนเข้าประกวดเพื่อทำฝันตัวเองให้เป็นจริง ขณะที่ น้ำฝน ก็รับบท พุด- พิชชา เด็กสาวที่ก็มีความฝันอยากเป็นนักร้องเหมือนกัน ทั้งคู่แอบรักกันเงียบๆ และต้องฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆมากมาย…ติดตามชมตอนแรกได้วันอังคารนี้.

พระเอกลิเกชื่อดังแห่งยุค

ประวัติ

ไชยา มิตรชัย มีชื่อจริงว่า เสมา สมบูรณ์ มีชื่อเล่นว่า เอ เกิดเมื่อ 5 เมษายน 2517 ที่ จ.พระนครศรีอยุธยา มีบ้านเกิดอยู่หลังสถานีรถไฟอยุธยา เป็นบุตรนายสมศักดิ์ นางวงเดือน สมบูรณ์ มีน้องสาวน้องชายฝ่ายละ 1 คน โดยน้องสาว จริยา หรือ แอน มิตรชัย ก็เป็นนางเอกลิเกในวงของไชยา มิตรชัย น้องชาย คามิตร หรือ มิตร มิตรชัย เป็นพระเอกลิเกเด็กคณะน้องมิตร มิตรชัย ทั้งยังเคยออกผลงานเพลงลูกทุ่งมาด้วยเช่นกัน

การศึกษา

ไชยา มิตรชัยจบการศึกษาระดับอนุบาลจาก โรงเรียนอรุณประเสริฐ ที่บ้านเกิด ก่อนจะมาต่อชั้นประถมที่โรงเรียนวัดรัตนชัย มาเรียนต่อชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ที่โรงเรียนวัดไชยมงคล จ.อ่างทอง มาต่อชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ที่โรงเรียนไทยรัฐวิทยา 6 ที่วัดสระแก้ว ก่อนเข้าศึกษาต่อชั้นมัธยมต้นที่โรงเรียนสะเด็ดวิทยาคม ซึ่งก็อยู่ในวัดสระแก้วเช่นกัน จากนั้นย้ายมาเรียนต่อชั้นมัธยมปลายที่โรงเรียนอยุธยาวิทยาลัย จนถึงชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ก็ลาออกมาเรียนต่อหลักสูตรการศึกษานอกโรงเรียนจนได้วุฒิมัธยมปลาย ไชยา มิตรชัย จบการศึกษาสูงสุดที่ระดับปริญญาตรีคณะรัฐศาสตร์ ภาคพิเศษ มหาวิทยาลัยรามคำแหง ปัจจุบันกำลังศึกษาต่อระดับปริญญาโท คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต

เข้าสู่วงการ

ครอบครัวไชยา มิตรชัย ทั้งพ่อแม่ปู่ย่าและตายาย ต่างก็เกี่ยวข้องกับวงการลิเกทั้งสิ้น โดยทั้งพ่อและแม่เป็นถึงพระเอกนางเอกลิเก แต่ครอบครัวมีฐานะยากจนอย่างยิ่งในระดับอดมื้อกินมื้อ เมื่ออายุได้ 4 – 5 ขวบก็ตามพ่อแม่ไปโรงลิเกบ้างแล้ว แต่เพราะความยากจน พ่อแม่จึงได้นำลูกชายไปฝากไว้กับหลวงพ่อฉบับ ขันติโก เจ้าอาวาสวัดสระแก้ว อ.ป่าโมก จ.อ่างทอง ด้วยความหวังที่ว่าลูกจะได้พอมีอาหารกินแบบไม่อด โดยในช่วงนั้น วัดแห่งนี้ดูแลเด็กกำพร้าและเด็กยากจนมากถึงราว 2 พันคน ขณะที่ตัวพ่อเองก็สมัครเป็นครูฝึกลิเกให้กับเด็กที่อยู่ที่นี่ ซึ่งตอนนั้นก็มีคณะลิเกเด็กอยู่หลายคณะ โดยทุกคณะต่างก็ใช้ชื่อเดียวกันหมดว่า “ ลิเกเด็กกำพร้า วัดสระแก้ว “ เมื่อโด่งดังขึ้นมาในภายหลัง หลายคนก็เลยคิดว่า ไชยา มิตรชัย เป็นกำพร้า ขณะที่ในความเป็นจริงโครงการรับเลี้ยงเด็กด้อยโอกาสของทางวัด มีชื่อเต็มว่า “ เด็กกำพร้าและเด็กยากจนวัดสระแก้ว “ แต่เมื่อจะขึ้นป้ายคณะลิเก มีการตัดทอนชื่อให้สั้นลงเพื่อการสะดวกในการเขียนป้าย

นายสมศักดิ์ ใช้เวลารวบรวมและฝึกลิเกให้เด็กที่วัดแห่งนี้อยู่ 3 เดือน ก็นำไปแสดงให้หลวงพ่อพิจารณาว่าสมควรออกงานในฐานะลิเกของทางวัดได้หรือไม่ ซึ่งก็ปรากฏว่าผ่านได้ไม่ยาก และหนึ่งในสมาชิกคณะลิเกเด็กนี้ก็มีไชยา มิตรชัย ซึ่งตอนนั้นเรียนอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 และอายุแค่ 10 ขวบรวมอยู่ด้วย โดยตอนแรกพ่อยังไม่ได้วางตัวให้เป็นพระเอก แต่ปรากฏว่าพระเอกตัวจริงเกิดเกเร หนีเที่ยว ไชยา มิตรชัยจึงถูกดันขึ้นมาแทน ด้วยเหตุผลที่ว่าพ่อลูกกันน่าจะดูแลได้ง่ายกว่า พร้อมกันนั้นก็ได้ตั้งชื่อลูกชายสำหรับใช้ในการแสดงว่า ไชยา มิตรชัย ซึ่งเป็นการเอาชื่อของ มิตร ชัยบัญชา กับ ไชยา สุริยัน สองพระเอกภาพยนตร์ชื่อดังของฟ้าเมืองไทยมาผสมกัน

ไชยา มิตรชัย ออกแสดงครั้งแรกที่ตลาดพระโขนง และก็ประสบความสำเร็จอย่างน่าประทับใจ คณะถูกจองมาเล่น 9 คืน แต่มีเรื่องที่เตรียมไว้เล่นแค่ 2 เรื่อง และถึงแม้จะเล่นซ้ำในงานเดียวกัน คณะลิเกเด็กของไชยา มิตรชัยก็ยังคงได้รับความนิยมอย่างมากเช่นเดิม ทั้งยังได้รับการติดต่อให้คณะวิ่งรอกไปเล่นที่พระประแดงด้วย ในช่วงนั้น ทำให้ครั้งนั้น คณะลิเกได้เงินที่ประชาชนบริจาคกลับวัดเกือบล้านบาท ไม่นับข้าวสารอาหารแห้งอีกเป็นร้อยกระสอบ เพื่อให้วัดเอาไว้ใช้เลี้ยงเด็ก โดยส่วนตัว ไชยา มิตรชัย ก็ได้รับรางวัลจากผู้ชมมาเกือบแสนบาท และนับตั้งแต่นั้นคณะลิเกเด็กของวัดสระแก้วที่มีพระเอกตัวเล็กๆชื่อไชยา มิตรชัย ก็เป็นลิเกชูโรง และหารายได้ และสิ่งของบริจาคเข้าวัดเป็นกอบเป็นกำมาอีกหลายปี

ช่วงที่เรียนอยู่ชั้นมัธยมต้น ดาราในละครแนวจักรๆวงศ์ๆคนหนึ่งมาถ่ายละครแถวๆวัดสระแก้ว และเห็นว่าวัดมีเด็กมาก จึงแนะนำสุริยา ชินพันธุ์ ให้ลองมาคัดเอาเด็กที่วัดไปเล่นละคร และไชยา มิตรชัยก็เป็นผู้ที่ถูกคัดเลือกไปเล่นเป็นพระเอกในละครเรื่องแรกในชีวิตชื่อ “ เจ้าชายน้อย “ ตามด้วย” พยัคฆ์สองแผ่นดิน “ ก่อนที่จะหยุดงานละครไป 5 ปี เนื่องจากหลวงพ่อฉบับเห็นว่าไชยา มิตรชัย ทำงานมากเกินไป

ในช่วงที่ถ่ายละครเรื่องแรกที่ จ.ชลบุรี คณะลิเกของไชยา มิตรชัย ไปเปิดการแสดงที่พัทยา และที่นี่เองที่สุริยา ชินพันธุ์ ได้มาดูไชยา มิตรชัย เปิดการแสดงลิเก และได้ยินน้ำเสียงของเขา จึงพาเข้าห้องบันทึกเสียง โดยผลงานเพลงชุดแรกที่ชื่อ “ เด็กกำพร้า “ ของไชยา มิตรชัย เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับชีวิตเด็กกำพร้าวัดสระแก้ว และเทปคาสเส็ตที่ ผลิตออกมาไม่ได้ถูกนำออกจำหน่าย แต่นำมาแจกญาติโยมที่มาบริจาคช่วยวัด แต่เพลงชุดนี้ก็โด่งดังมากในหมู่บรรดาญาติโยมทั่วสารทิศ และบางคนก็ควักเงินบริจาคเพิ่มให้กับวัดถึงหมื่นบาทเมื่อได้รับเทปชุดนี้ ดังนั้นจึงมีการทำเทปตามออกมาอีกหลายชุด แต่ไชยา มิตรชัย มาโด่งดังอย่างเป็นเรื่องเป็นราว หลังจากที่ออกผลงานเพลงชุด “ กระทงหลงทาง “ ที่มีการโปรโมตในหมู่ประชาชนทั่วไป

หลังหลวงพ่อฉบับมรณภาพในปี 2531 ไชยา มิตรชัย ที่รักและเคารพหลวงพ่ออย่างมาก ประกอบกับการมีงานล้นพ้นตัว และการที่ได้ย้ายมาพักที่บ้านพักของพ่อและแม่ ก็จึงห่างๆจากวัดมาเล็กน้อย แต่ก็ยังช่วยงานทางวัดตามปกติ แต่หลังจากที่เขาถูกใส่ร้ายต่างๆนาๆจากผู้ไม่หวังดีภายในวัดอย่างหนัก ประกอบกับตัวเขาเองก็โตแล้ว ไม่เหมาะที่จะใช้ชื่อคณะเด็กกำพร้าทำมาหากิน ก็จึงตัดสินใจแยกคณะลิเกออกมา และไม่ได้ใช้ชื่อวัดอีกต่อไป


ผลงานละคร

  • เจ้าชายน้อย (ตอนเด็ก)
  • พยัคฆ์สองแผ่นดิน (ตอนเด็ก)
  • ลูกที่ถูกลืม
  • มัจจุราชติงต๊อง
  • นายฮ้อยทมิฬ
  • แก้วหน้าม้า
  • รอยไถ
  • สะใภ้ไฮโซ
  • พิกุลทอง
  • ชะชะช่า ท่ารัก
  • เทพบุตรขนตางอน
  • เลือดสามสี
  • ผู้ใหญ่เห็ด VS กำนันหอย
  • พ่อมาลัยริมทาง
  • เทพบุตรชุดวิน ( อยู่ระหว่างการถ่ายทำ )

ผลงานเพลง

  • กำพร้าอาวรณ์
  • เทปการกุศล
  • เจ้าบ่าวสมมุติ
  • กระท่อมสาวเมิน
  • ผัวนอกบัญชี
  • หลงรักดอกฟ้า
  • ริมไกรราศ
  • สวยที่สุด
  • มันๆ เค็มๆ
  • หมูหนีมีแต่ผัก
  • เทพีชายคลอง
  • ต้อนไว้ไปบ้านเรา
  • กระทงหลงทาง
  • ลูกถูกลืม
  • เพลงรักจากไชยา
  • ไชยาลาบวช
  • สัญญา 2 ปี
  • กระทงถึงฝั่ง
  • หมู หมู หมู
  • เพลงประกอบละคร เทพบุตรขนตางอน
  • ใจพี่ยังมีรัก
  • เพลงประกอบละคร ผู้ใหญ่เห็ด Vs กำนันหอย
  • หัวบันไดไม่แห้ง Vol. 1 ( อัลบั้มใหม่ล่าสุด )

เกียรติยศ

  • รางวัลพระพิฆเนศทองคำ จากเพลง คอยนางที่อ่างทอง
  • รางวัลเมขลาทองคำ จากละคร ลูกที่ถูกลืม
  • รางวัลเมขลาทองคำ จากละคร แก้วหน้าม้า
  • รางวัลศิลปินดีเด่นประเภทส่งเสริมพรพะพุทธศาสนา จากพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี ฯ
  • รางวัลศิลปินไทยใส่ใจ ภาษาอังกฤษ จากรมว.สาธารณสุข นางสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์
  • รางวัลศิลปินต้านยาเสพติด